อ่านเพื่อรู้ทัน!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ “แขก” ลวงโลก ในอเมริกา

ในเมืองไทยมีข่าวใหญ่เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และจับผู้ต้องหาได้จำนวนมาก

ขอชื่นชมความสามารถของตำรวจไทย

ในอเมริกาก็มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน

มีประสบการณ์ที่จะเล่าสู่กัน

ดังนี้

เรื่องเริ่มที่ผมได้รับโทรศัพท์จากบริษัทที่อ้างชื่อตัวเองว่าเป็น Microsoft แต่ที่จริงไม่ใช่ มารู้ภายหลังว่าคือบริษัทหนึ่งที่ทำงานอยู่ภายใต้ Microsoft เมื่อราวกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา

เสียงตามสายเป็นผู้ชายชื่อ Dave พูดอเมริกันสำเนียงจีนนิดหน่อย คงเป็นระดับจีนที่เกิดในอเมริกา

เขาบอกว่าโปรแกรม Microsoft Words ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผมหมดอายุแล้ว ต้องซื้อโปรแกรมปรับปรุงใหม่ เขาเสนอโปรแกรมตัวท็อป ปรับปรุงทั้ง Microsoft Words และโปรแกรมอื่นๆ ของเครื่องในราคา $ 399.33 แต่จะให้ส่วนลดพิเศษเหลือ $ 377.33

ผมตกลง จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต และเขาปรับปรุงโปรแกรมให้ออนไลน์

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี คอมพิวเตอร์เข้าโปรแกรมได้รวดเร็วกว่าเดิม ใช้งานได้คล่อง คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป

มาเมื่อราวปลายเดือนกันยายนนี้ ก็มีโทรศัพท์เข้ามือถือของคนคู่กายผม เป็นเสียงผู้ชายพูดอเมริกันสำเนียงแขก

เขาบอกว่าโทร.มาจากบริษัทที่ทำการปรับปรุงคอมพ์เมื่อเดือนเมษายนที่แล้ว ระบุตามที่จ่ายเงินเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2016 จำนวน $ 377.33 ถูกต้องตามความเป็นจริง แสดงว่าได้มาจากข้อมูลภายในบริษัท

เขาบอกต่อไปว่า ตอนนี้บริษัทจะย้ายไปอยู่ในอังกฤษ จึงจะคืนเงินที่เก็บไปให้ เพราะใช้งานไม่ครบหนึ่งปีตามสัญญา

คนข้างกายผมบอกว่าไม่สะดวกที่จะคุยทางมือถือ เลยต้องให้เบอร์แลนด์ไลน์ไปอีกเบอร์

เขาโทร.เข้ามาอีกครั้ง แล้วบอกว่าให้เปิดคอมพ์ไปที่หน้าบัญชีธนาคาร จะโอนเงินมาให้ บอกไปว่าให้ส่งเช็คมาทางไปรษณีย์ เขาบอกว่าทำไม่ได้ ต้องโอนเงินทางออนไลน์อย่างเดียว

ตกลงต้องวางสายโทรศัพท์บ้าน ใช้มือถือติดต่อ เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไปที่หน้าธนาคาร เปิดหน้าบัญชีใส่รหัสผ่าน

ตอนนี้หน้าจอบัญชีขึ้นมาแล้ว เห็นตัวเลขเงินฝากหลักหมื่นที่ปรากฏอยู่

สัญญาณอันตรายปรากฏขึ้น

เม้าส์ที่ควบคุมหน้าจอไม่สามารถทำงานได้ ไอ้แขกมันเข้ามาควบคุมแทนแล้ว

เขาบอกว่า “เงินกำลังโอนมาจาก World Bank”

ผมรีบบอกว่า “ปิดจอเดี๋ยวนี้” เพราะธนาคารโลกไม่เคยทำธุรกรรมการเงินกับบัญชีรายย่อย นี่เป็นการโกหก

เธอตอบไปว่า

“ฉันไม่ไว้ใจแก ฉันจะปิดจอเดี๋ยวนี้”

ทำไมต้องไปบอกมันก่อนก็ไม่รู้

แล้วก็ปิดจอทันที

เสียงมันร้องโหยหวนว่า

“ขอให้เปิดจออีกครั้ง ขอได้โปรด เงินกำลังโอนมาจากธนาคารโลกแล้ว…”

มันคงเสียดายเงินที่มองเห็น แต่คว้าไม่ทันแค่เสี้ยววินาทีจนน้ำลายหก

ครั้งสุดท้ายมันพูดด้วยความโกรธว่า

“you try to out smart of me”

ก็ใช่ซิ ฉันต้องฉลาดกว่าแก จึงปกป้องเงินไว้ได้

รีบปิดมือถือ แล้วไปที่ธนาคาร ตรวจสอบว่าเงินยังอยู่ครบ ไม่ถูกขโมยไปแม้แต่เหรียญเดียว เปลี่ยนหมายเลขบัญชีใหม่ เปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ เปลี่ยนเช็คใหม่ และเปลี่ยนบัตรเดบิตใหม่

เท่านี้ไอ้แขกก็หมดสิทธิ์มายุ่งกับบัญชีนี้แล้ว

Banker บอกว่า ถ้าหากโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยเงินไป หรือถูกหลอกลวงเงินไปด้วยกรณีใดๆ ในอเมริกามีกฎหมายปกป้องเงินฝาก เงินที่ถูกขโมยจากบัญชีในวงเงินหนึ่งล้านเหรียญ ธนาคารจะคืนให้ทันที

ระหว่างอยู่ที่ธนาคาร ไอ้แขกยังโทร.ตามให้เปิดคอมพ์อีก

หลังจากนั้นตลอดราว 2 อาทิตย์ ไอ้แขกคนเดิมโทร.มาทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง อ้อนวอนให้เปิดคอมพ์ เพราะเงินโอนจากธนาคารโลกมารอนานแล้ว

เมื่อไม่ได้ผลเรื่องการคืนเงินค่าปรับปรุงคอมพิวเตอร์ คราวนี้ไอ้แขกคนใหม่โทร.เข้ามาเล่านิทานเรื่องใหม่ว่า ผมได้รับการสุ่มตัวอย่างจากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ให้ได้รับเงินรางวัล $ 9,000 ขอให้เปิดคอมพ์เพื่อรับเงินโอนที่กำลังโอนมาจากธนาคารโลก

การโทร.เรื่องได้รับรางวัลนี้ทำถี่มาก วันละ 3-4 ครั้ง จากไอ้แขกโทร. 3-4 คน สลับกันไป มีคนที่ห้าในแก๊งเป็นผู้หญิงโทร.เข้ามาทำเสียงสนิทสนมว่าเป็นเพื่อนกับคนข้างกายผมจะขอคุยด้วยเรื่องได้รับรางวัล ผมบอกว่าให้คุยกับผมที่เป็นสามี มันบอกว่าไม่ได้ ต้องคุยกับเจ้าตัวเท่านั้น

น่าแปลกใจว่า มันไปหลอกแหม่มฝรั่งให้มาโทร.เรื่องได้รับรางวัลนี้ด้วย เพราะเธอคนนี้พูดสำเนียงอเมริกันแท้

พวกไอ้แขกหน้าโง่ ไม่รู้ว่าเรื่องเงินโอนจาก World Bank คือจุดสลบ ที่นิทานของมันหมดความน่าเชื่อถือ

เบอร์ที่โทร.เข้ามา โชว์ต้นทางจากในอเมริกา มีมาจากรัฐเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย วอชิงตัน แมสซาชูเซตส์

แสดงว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “แขกอินเดีย” ในอเมริกาของแท้แน่นอน

ผมไปแจ้งความเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์แขกอินเดียนี้กับตำรวจที่โรงพัก Bernville ใกล้บ้าน ให้เบอร์ของไอ้แขกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทร.เข้ามาแต่เรียกกลับไม่ได้ แต่ถ้าตำรวจตรวจสอบคงหาต้นตอได้

ตำรวจบอกว่าจะสืบสวน และอาจจะส่งเรื่องให้เอฟบีไอ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทร.มาบอก

จนป่านนี้ยังไม่เคยโทร.มาเลย

มาเมื่อเดือนที่แล้ว แก๊งไอ้แขกเปลี่ยนนิทานใหม่ คราวนี้ไอ้แขกคนที่ 7-8-9-10 โทร.เข้ามาบอกว่า โทร.จาก Microsoft มีความผิดปกติที่เครื่องคอมพ์ ขอให้เปิดเครื่องเพื่อแก้ไขด่วน

โทร.เข้ามาวันละ 3-4 ครั้งเหมือนเดิม รำคาญนัก เลยตอบกลับไปว่า

“ฉันไม่เชื่อแก…”

ส่งอีเมลไปหา Microsoft เล่าเรื่องถูกรบกวนจากแก๊งแขกที่อยู่ในบริษัทภายใต้ Microsoft แต่เขาไม่สนใจ ตอบกลับมาว่า มีคนเป็นร้อยเป็นพันที่อ้างชื่อ Microsoft ตลอดเวลา

มาครั้งล่าสุดเริ่มเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ไอ้แขกคนที่ 11-12-13 โทร.เข้ามา บอกว่าโทร.จากบริษัทไฟฟ้า จะแนะนำวิธีประหยัดค่าไฟ ขอให้หยิบบิลค่าไฟขึ้นมา จะบอกให้

ครั้งแรกบอกมันไปว่า คนข้างกายไม่อยู่ หาบิลไม่ได้ มันก็ขอนัดเวลา แล้วโทร.เข้ามาตรงเวลาเป๊ะ

ที่บ้านใช้ไฟเยอะระดับต้นๆ ของหมู่บ้าน เพราะมีสระว่ายน้ำในตัวบ้าน (Indoor Swimming Pool) บริษัทไฟฟ้าเคยส่งหลอดประหยัดไฟมาให้เปลี่ยน ก็ไม่ช่วยได้เท่าไร

เทคนิคเรื่องนี้คือ คนส่วนมากจะจ่ายค่าไฟด้วยการตัดบัญชีธนาคาร ไม่มีใครเขียนเช็คค่าไฟส่งทางไปรษณีย์ ดังนั้น บิลค่าไฟจะส่งมาทางออนไลน์ ถ้าจะดูบิลค่าไฟเพื่อคุยกับมัน ต้องเปิดคอมพ์

เข้าทางมันเลย

มันโทร.ทุกวัน วันละสอง-สามครั้ง เรื่องให้เอาบิลค่าไฟฟ้าขึ้นมาคุยกับมัน

มันหวังว่าเราจะหลงกล เปิดคอมพ์ให้มันสักครั้ง

แก๊งไอ้แขก (หน้าโง่) โทร.มาร้อยกว่าครั้งแล้ว จากที่เคยรำคาญกลายเป็นสนุกว่า มันจะยกนิทานเรื่องไหนขึ้นมาอีก

เสียงโทรศัพท์ดังแล้ว เป็นเบอร์แปลก ขอไปรับโทร.ไอ้แขกก่อนนะครับ

สวัสดี