หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๖๗)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๖๗)

 

ที่เรียกว่า ระบบเผด็จการ ในปัจจุบันนั้น ควรเรียกมันว่า Oligarchy หรือคณาธิปไตยมากกว่า เพราะเผด็จการเหล่านั้น แต่ละคนก็ยากจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จได้ด้วยตนเอง ล้วนต้องอาศัยกลุ่มคนจำนวนหนึ่งสนับสนุน

คณาธิปไตย คือการปกครองบนโครงสร้างอำนาจที่บิดเบี้ยว อำนาจกระจุกอยู่บนกลุ่มบุคคลส่วนน้อย บุคคลเหล่านี้อาจเป็นชนชั้นเจ้า ชนชั้นเศรษฐี ผู้มีการศึกษา หรือผู้นำฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายทหาร รัฐเช่นว่านี้มักถูกควบคุมโดยตระกูลมีชื่อเสียงไม่กี่ตระกูล ซึ่งส่งผ่านอิทธิพลของตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น

หากฉันออกไปคุยกับประชาชน ที่เป็นคนธรรมดาจริงๆ ถามพวกเขาว่าจะไปเลือกใคร เลือกพรรคไหน คนส่วนใหญ่จะงงๆ มีอาการเบลอๆ สมองว่างเปล่า น่าประหลาด แสดงว่าพวกเขาไม่มีจิตสำนึกทางการเมือง ไม่รู้ ไม่อยากรับรู้ คนที่รับรู้ปัญหาทางการเมือง และออกมาเดินตามถนน มีหลักแสนก็จริง แต่หากเทียบกับคนไม่รับรู้ คนไม่รับรู้ก็ยังมีจำนวนมากกว่าหลายเท่า

ปฏิกิริยาของพวกเขา ไม่กระตือรือร้น ไม่เป็นธรรมชาติ

เราจึงมี ส.ว. 250 คน ที่มีอำนาจเลือกนายก

มีองค์กรอิสระ ที่มีอำนาจล้นฟ้า

การเมืองบ้านเรา จึงมีระบบบ้านใหญ่

มีเจ้าพ่อ มาเฟีย ครูใหญ่

ประชาชนแต่ละคน ไม่ได้เป็นอิสระอย่างแท้จริง

อาการแบบนี้ บ่งบอกว่า การเมืองบ้านเรายังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคณาธิปไตย

 

พรรคเพื่อไทย ก็มิได้ยิ่งหย่อนกว่าพรรคอื่น หรือแม้แต่พรรคก้าวไกล ก็มีอิทธิพลของคณาธิปไตยเช่นกัน อาจน้อยกว่า แต่ก็ยังมีอยู่ เพราะพรรคใดที่ไม่มีอิทธิพลของคณาธิปไตยเลย จะดำรงอยู่ไม่ได้ แต่สองพรรคนี้มีหลักการที่ถูกต้อง

พวกเขาเดินตามกติกาของประชาธิปไตย และมีสิทธิชนะการเลือกตั้งครั้งนี้

 

เช่นเดียวกับระบอบอำนาจนิยม ในหลายประเทศ ก็เป็นระบอบคณาธิปไตย ที่สุดโต่งกว่า เข้มข้นกว่า เช่น รัสเซีย จีน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธประชาธิปไตย ยังอิงอาศัยนามธรรมนี้ ด้วยหมดยุคสมัยที่ใครจะกล้าทุบประชาธิปไตย ไทยเรายังเป็นคณาธิปไตยแบบอ่อนๆ มีเยื่อใยที่มองไม่เห็นผูกมัดไว้ เป็นความงมงายที่ฝังในใจ ยกเว้นแต่ในเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่แสดงอาการเหล่านี้ น่าประทับใจ ฉันเห็นลูกหลานของพวกอนุรักษ์สุดโต่ง ล้วนเป็นก้าวไกล

ระบบคณาธิปไตย ทำให้เกิด

ความโหดร้าย

ติดในการโต้วาที

ความอยุติธรรม

คณาธิปไตยตั้งหลักการของพวกเขาที่ศีลธรรม เพราะสิ่งนี้แปรเปลี่ยนได้ตามใจผู้คิด มันจึงเกื้อหนุนพวกเขา เรียกว่าคิดเข้าข้างตัวเอง

หากไม่มีรัฐประหาร ห้าสิบปีข้างหน้า ไทยเราอาจมีระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแรง กฎทางการเมืองมีอยู่ว่า ประชาธิปไตยเหมือนเด็ก ที่ต้องการเวลาในการเติบโต และเรียนรู้ อายุของมันยืนยาวเป็นร้อยเป็นพันปี

ข่าวดีคือ คนรุ่นเก่าแต่ละคนจะค่อยๆ ล้มหายตายจากไปจนหมด เหลือแต่คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าคุณจะทรหดปานใด ตายยากขนาดไหน ในที่สุดคุณก็ต้องเสื่อมสลาย และแตกดับ

ฟังเสียงคนรุ่นใหม่ พบว่า พวกเขากำลังมุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง พวกเขาตัดสินใจได้เองว่าไม่ต้องการประยุทธ์ เพราะเขาอยู่มานานเกินไปแล้ว แปดปีสำหรับเด็ก มันนานมากจริงๆ แต่สำหรับตัวคุณประยุทธ์เอง เขามีความรู้สึกต่อกาลเวลาแตกต่าง ด้วยอำนาจในมือและวัยของเขา เขากลับรู้สึกว่า แปดปีช่างเร็วเหลือเกิน เหมือนเวลาแค่ผ่านไปแปดนาทีเท่านั้นเอง เขาจึงอยากอยู่ต่อ ที่จริงต่อให้เขาอยู่จนครบยี่สิบปี เขาก็ยังรู้สึกน้อยเกินไป

ยกเว้นแต่ว่า วันที่เขาต้องนอนติดเตียง เขาจึงจะพอ

 

อาทิตย์ก่อน ฉันไปหาเพื่อนที่โคราช เธอและครอบครัวของเธอล้วนเป็นแฟนของบิ๊กตู่ เท่ากับว่าเลือกตั้งคราวนี้ พวกเขาจะไปเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ฉันอยากตบกะโหลกของเธอจริงๆ แต่ทว่า เพราะเธอเป็นเพื่อนรัก ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันเชื่อว่า เธอถูกหลอกลวงหรือล้างสมอง หรือในมุมกลับกัน เธออาจมองว่าฉันถูกหลอกลวงหรือล้างสมอง

แต่การที่เพื่อนรักของฉันเป็นแฟนของบิ๊กตู่ ก็ทำให้ฉันต้องตรวจสอบสังคม และพบว่า ไม่เป็นการควรที่เราจะมีความเกลียดชังที่แรงกล้า

เกลียดชังเพื่อไทยราวกับไส้เดือนหรือกิ้งกือ

เกลียดชังรวมไทยสร้างชาติราวกับจิ้งจกหรือแมลงสาบ

ความเกลียดชังเหล่านี้ ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหน แสดงออกถึงความผิดปกติทางจิต และนี้คือโทษทัณฑ์ทางการเมือง มันอาจฟังสนุก ดูเพลิดเพลิน แต่ทว่ามันผิด มันบิดผันความจริง

เราจะหลุดลอยออกจากประเด็นที่แท้จริงทางการเมือง

ทางการเมือง ความผิดของประยุทธ์คือ

คุณทำรัฐประหาร

คุณอยู่ในอำนาจนานเกินไปแล้ว

นี้คือความผิด ที่เรียบง่าย ชัดเจน

การทำรัฐประหาร และการอยู่ในอำนาจนานแปดปี เป็นความผิดที่เป็นรูปธรรม หากมองไม่เห็น ก็แสดงว่าไม่เข้าใจประชาธิปไตย

อันนี้จริงสำหรับคนอื่นด้วย เช่นตัวคุณทักษิณ ขนาดเขาเป็นนายกรัฐมนตรีแค่หกปี แต่มีอำนาจมากเกินไป มันทำให้ตัวเขาเกิดความเย่อหยิ่ง ความหลงตัวเอง ที่จริงประชาธิปไตยที่แข็งแรง ควรแบ่งอำนาจกัน ระหว่างฝ่ายหนึ่งกับอีกฝ่ายหนึ่ง การจับจองอำนาจไว้นานเกินไป ไว้ในมือฝ่ายเดียว จะเกิดผลร้ายที่คาดไม่ถึง และเกิดผลกระทบในวงกว้าง หากเราย้อนกาลเวลา และคิดดูให้ดี เราจะเห็นความผิดปกติ อาการคุยไม่รู้เรื่องของคุณทักษิณ อำนาจของเขามีอาการล้น

หากคุณประยุทธ์มีจิตใจบริสุทธิ์ เขาควรพอได้แล้ว ควรเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน การแบกรับภาระของประเทศไว้บนบ่า นานแปดปี เป็นใครก็ต้องหมดแรง บางคนอาจทำไม่ครบแปดปีด้วยซ้ำ ก็ต้องขอลาออก ใครอยู่ได้ครบ ก็ถือว่าอึดสุดแล้ว แต่คนที่ดวงจิตไม่บริสุทธิ์ กลับรู้สึกตัวเองเป็นวีรบุรุษ ยิ่งมีพลัง ยิ่งเกิดความอยาก เราสังเกตความผิดปกตินี้ได้

เขาอยากจนน้ำลายไหล อยากจนตัวสั่นเทิ้ม

 

จักรพรรดิผู้ไม่ใส่เสื้อผ้า คือผู้มีอำนาจ ที่ทำผิดแบบโจ่งแจ้ง แต่ตัวเองไม่รู้สึกตัว

แต่คนที่มองเห็น คือเด็กๆ

ผู้ใหญ่กลับมองไม่เห็น ดวงตาของพวกเขาขุ่นมัว ด้วยความหยาบกระด้างทางโลก การใส่ร้ายป้ายสี การสอพลอ การกลบเกลื่อน การล้างสมอง

แต่เด็กมองเห็นอย่างง่ายดาย

ประยุทธ์มองเห็นตัวเองเป็นดารา

เป็นพระเอก

เป็นซูเปอร์สตาร์

ไปไหนมีคนห้อมล้อมเต็มไปหมด พูดจาอะไร ก็มีคนมาจด มาฟัง

ขนาดพูดผิด ยังมีคนมาบันทึก

แต่เด็กมองเห็นชัด ว่าคุณหม่นหมอง ขึ้นรา

เด็กๆ น่ารักจะตาย มองอะไรชัดเจน และมองขาด

 

เราไม่ควรมองคุณประยุทธ์ว่าเป็นจิ้งจกหรือแมลงสาบ เพราะมันไม่เป็นความจริง เรากำลังอยู่ในวังวนทางการเมือง เราควรมองอย่างเรียบง่ายแค่ว่า คุณหมดเวลาแล้ว

และการหมดเวลา มีค่าเป็นอนันต์

มันเหนือกว่าทุกเหตุผล