ก้าวลงจากหลังเสือหรือไปต่อ

จรัญ พงษ์จีน
(Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นวันครบกำหนดตามรัฐธรรมนูญ 2560 แห่งมาตรา 97 ที่กำหนดไว้ว่า “ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตาม (3) ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่กรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะ 90 วันดังกล่าวให้ลดเหลือ 30 วัน”

“สภาผู้แทนราษฎร” ชุดปัจจุบันเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 จะครบเทอม 4 ปีเต็มอยู่หรัดๆ ในวันที่ 23 มีนาคม ดังที่เคยนำมาตอกย้ำตลอดว่า ไทม์ไลน์ ของการเลือกตั้ง หาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี อยากทุบสถิติลากยาวอยู่ครบเทอม ศึกเลือกตั้งจะระเบิดขึ้นภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 “เส้นตาย” การโยกย้ายพรรคสังกัดในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เข้าตามเกณฑ์หมวดคุณสมบัติ 90 วัน คือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แต่ปรากฏว่า ในวันครบกำหนดดังกล่าว ความเคลื่อนไหวตลาดคนการเมืองกลับไม่คึกคักตามคาดหมาย โดยเฉพาะมนุษย์เลือกตั้งที่เตรียมจะย้ายมาสังกัด “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ร่วมหัวจมท้ายกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่จะได้รับการเสนอชื่อขึ้นแป้นแคตดิเดตนายกฯ กลับพากัน “ตีนตุ๊กแก” กบดานเงียบเชียบ

มีการสรุปปฐมเหตุที่สถานการณ์เคลื่อนย้ายซบเซาในวันครบกำหนด หมวดคุณสมบัติ ออกมา 2 ประการด้วยกัน

“หนึ่ง” คือ ห้องเครื่องเป็นไปตามที่ “นักการเมืองใหญ่” รายหนึ่งพากย์พยากรณ์ กลอนพาไปให้กับกลุ่มนักธุรกิจ 7-8 คนฟังเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “บิ๊กตู่” ประเมินทุกองคาพยพ ดูทิศทางลมแล้ว “รทสช.” ที่จะเสนอชื่อตัวเองเข้าชิงนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ไม่เวิร์ก หวือหวา เท่าที่ควร ทำได้แค่ห้วย หนอง คลอง บึง ไต่เพดานไม่ถึง “แม่น้ำสายใหญ่”

ซุป’ตาร์ขาประจำบนเวทีการเมือง ตามมาร่วมน้อยมาก สุ่มเสี่ยงเสียชื่อโดยเปล่าประโยชน์ตอนบั้นปลายชีวิตสูง โอกาสที่ลูกพรรคจะได้เลือกตั้งถล่มทลายเป็นไปได้ยาก เข้าข่าย เตี้ยอุ้มค่อม ผอมอุ้มอ้วน แขนด้วนอุ้มแขนดี เสียมากกว่า

เหยียบคันเร่งมิด สวมวิญญาณรถเมล์สาย 8 แต่เมื่อดีดลูกคิดดูตัวเลขแล้ว เป้าหมายไม่รู้จะได้ 25 ที่นั่งหรือเปล่า มีสิทธิพุ่งชนแบริเออร์เจ็บตัวฟรีสูงมาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกฯ มาแล้ว 8 ปี จึงไม่ใช่สมันน้อยนะเธอจ๋า เลยถอดใจ โยนผ้า ทิ้งไพ่ “ลงจากหลังเสือ” ตัวใครตัวมัน

นี่คือ ประโยค “เอ็กซ์คลูซีฟ” ที่ถูก “คนกันเอง” ทิ้งบอมบ์ออกมาเมื่อไม่กี่คืนก่อน

“สอง” คือ ลูกข่ายที่จะตามมา “รวมไทยสร้างชาติ” ได้รับสัญญาณว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะเลือกใช้สูตร “ยุบสภา” แน่นอน จะใช้เวลาในการแต่งตัวเพียง 30 วันในการหาต้นสังกัดลงสมัครนับถึงวันเลือกตั้ง จึงไม่ตื่นตระหนกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์

เงื่อนไขสอดรับกับราชกิจจานุเบกษา ที่เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วย “การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย “พรรคการเมือง” (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566

ซึ่ง “กกต.” หรือ “คณะกรรมการเลือกตั้ง” ต้องใช้เวลาในการเตรียมการเลือกตั้ง เป็นเวลา 45 วัน ช่วงเวลาทองคำที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะ “ยุบสภา” คือวันที่ 15 มีนาคม 2566

 

จากการส่งสัญญาณที่ส่งไปยังลูกข่าย “รทสช.” ว่า “พล.อ.ประยุทธ์” น่าจะเลือกชอยส์ “ยุบสภา” มากกว่า “อยู่ครบเทอม” ผนวกกับประกาศราชกิจจานุเบกษา ว่าด้วยเรื่อง “พ.ร.ป. 2 ฉบับ” ทั้ง “การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร-พรรคการเมือง” โปรแกรมล้างไพ่ด้วยการยุบสภา จะลงตัวในวันที่ 15 มีนาคม ส่งผลให้นักเลือกตั้งที่จะย้ายค่ายมาซบ “รทสช.” ส่วนใหญ่พากันลั้ลลา-จุงเบย เพราะไม่ติดกับดักต้องสังกัดพรรคติดต่อกัน 90 วัน

หมากการเมืองกระดานนี้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กิน 2-3 ต่อเข้าฮอสเลยก็ว่าได้ เนื่องจากจะช่วยอนุเคราะห์ให้ลูกพรรคที่จะติดตามมาปลอดภัยไร้กังวลจากเงื่อน 90 วัน เหลือ 30 วันแล้ว

ยังสามารถแคนนอนช่วยพรรครวมไทยสร้างชาติได้ทางอ้อมอีกต่างหาก กล่าวคือ จากข้อมูลของ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” ว่าด้วยความพร้อมในการตั้งสาขาและตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดทั่วประเทศ ที่ดำเนินกิจการอยู่ ทั้งหมด 86 พรรค พบว่าระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง ยังไม่มีพรรคการเมืองใดที่สามารถส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ครบทั้ง 77 จังหวัด

เนื่องจากไม่มีสาขาหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดตามมาตรา 47 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

มีเพียง 10 พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครได้มากเรียงตามลำดับไหล่ดังต่อไปนี้

1. “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” ส่งได้ 73 จังหวัด “ประชาธิปัตย์” 72 จังหวัด “เพื่อไทย” 69 จังหวัด “เสรีรวมไทย” 68 จังหวัด “พลังประชารัฐ” 64 จังหวัด “เศรษฐกิจไทย” 59 จังหวัด “รวมไทยสร้างชาติ” ที่จะดัน “บิ๊กตู่” ลงพุ่งชน ส่งได้เพียง 50 จังหวัด

ดังนั้น การที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เลือกใช้บริการ “ยุบสภา” เท่ากับเป็นการตีวิถีโค้งไปช่วย “รวมไทยสร้างชาติ” ในทางอ้อม มีเวลาเร่งคีย์ ตีจังหวะจัดตั้งสาขาพรรค และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดให้เต็มตุ่มทั้ง 77 จังหวัด

ซึ่งคาดว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลส่งต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ต้องแจ้งภายใน 15 วัน นับแต่วันจัดตั้งสาขาและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

อย่างไรก็ตาม “การเมืองไม่มีสิ่งแน่นอน” ไปไม่ได้ก็ล้ม ประเมินสถานการณ์อย่างถ่องแท้แล้ว รู้ว่าแพ้แน่ๆ คงไม่มีใครคิดเอาหัวชนกำแพง ก็ต้องเลิก ก้าวลงจากหลังเสือ

นาทีนี้ วันนี้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไปต่อแน่นอน กับบทบาท ลีลาที่สะท้อนผ่านมาในหลายบริบท

แต่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ไม่ชัวร์ สถานการณ์อาจจะบีบบังคับ ต้องก้าวลงจาก “หลังเสือ” กลางคัน ตามที่ “นักการเมืองขาใหญ่” ฟันธงไว้ก็ได้