รายงานพิเศษ : ชีวิตจริงไม่เหมือนบนเวที “ลำไย ไหทองคำ” เผยกฎดูได้ แต่ห้ามแตะ!!

ตอนนัดหมายว่าจะสัมภาษณ์นั้น ลำไย ไหทองคำ นักร้องสาวลูกทุ่งคนดัง บอกเลยว่ายินดี เพียงแต่เงื่อนไขข้อเดียวของเธอคือ “สัมภาษณ์กันทางโทรศัพท์นะคะ”

เหตุผลก็คือ “มีงานทุกวันน่ะค่ะ ไม่มีวันหยุดเลย”

คิวที่ “ของปีหน้าก็มี ที่จองไว้แล้ว”

ดังนั้น สำหรับเธอชีวิตในช่วงนี้จึงใช้ไปกับการเดินทางเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในแต่ละจังหวัดของประเทศไทย และที่ไกลๆ อย่างในต่างประเทศ

การให้สัมภาษณ์ระหว่างนั่งรถจึงสะดวกที่สุด

ลําไย หรือ อ้าย-สุพรรณษา เวชกามา สาวน้อยวัย 18 จากจังหวัดร้อยเอ็ด เริ่มต้นด้วยการเปิดใจว่า แม้จะทำงานร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก หากก็ไม่นึกฝันว่าชีวิตจะมีวันนี้

“คิดว่าจะร้องเพลงธรรมดา ก๊องๆ แก๊งๆ ไป”

ส่วนที่เกินคิด เกินฝันมาได้ “ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร” บอกพลางหัวเราะ

แต่หากให้เดา เธอก็ว่านอกจากเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” จะโดนแล้ว การแสดงหน้าเวทีก็มีส่วน

คือถ้าให้พูดกันตรงๆ ก็ต้องฟันธงว่า ท่าเต้นแหก แหวกขา รวมถึงท่าอันสุดเซ็กซี่อื่นๆ นั่นละ ที่ช่วยส่งผล

โดยนักร้องสาวเล่าถึงท่าเต้นแหก แหวกขาสูง ดังกล่าวด้วยว่า เป็นท่าที่เธอคิดขึ้นมาเอง

“ก็เต้นไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนที่เป็นข่าวมันเป็นครั้งแรกที่เต้นท่านั้นเลย” ลำไยเล่าอดีตพลางหัวเราะ

“ตอนเต้นคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ แต่มันเป็นการเตะขึ้นแป๊บเดียว แล้วก็เตะลง เป็นไปตามจังหวะกลองที่ตี แล้วเขาก็ถ่ายได้พอดี”

นับแต่นั้นท่าดังกล่าวก็กลายเป็นท่าเต้นประจำตัว ส่งผลให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมๆ กับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา

“ตอนแรกก็กดดันอยู่เหมือนกันที่คนคอมเมนต์เยอะมาก แต่ก็ไม่ได้เครียดจนทำงานไม่ได้หรืออะไร เพราะเขาก็วิจารณ์ตามเฟซบุ๊ก แต่ชีวิตจริงไม่ได้มีใครรู้จักหรือมีใครวิจารณ์”

อย่างไรก็ตาม ลึกๆ แล้ว “ก็ท้อนะคะ แอบท้ออยู่”

โดยเฉพาะเมื่อเจอเสียงที่มาแบบดุเดือด รุนแรง

“ประมาณว่าไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ เราคนไทย ขายเสียงหรือขายอะไรกันแน่ แต่ก็คิดอยู่ว่าเขารู้จักเราดีแล้วเหรอ ทำไมถึงว่าเรา แต่ก็อย่างว่า เขาไม่ได้รู้จัก ไม่ได้อะไรกับเรา เห็นอย่างนั้นก็วิจารณ์ไปตามภาพที่เห็น”

ด้วยเหตุนี้เธอผู้เป็นกำลังหลักของบ้านในการหารายได้เพื่อเลี้ยงชีวิตจึงทำใจ

เพราะก่อนหน้านี้ ครอบครัวซึ่งประกอบด้วยเธอ แม่ ยาย และตา จะยังชีพด้วยการตระเวนขายของเล็กๆ น้อยๆ จำพวกลูกอม ผลไม้ ตามร้านอาหาร

“ตอนยังเป็นเด็ก แม่กับยายก็พาเดินขายของด้วย ตั้งแต่ประมาณทุ่มหนึ่งถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่งทุกวัน ชีวิตก็ไม่ได้ดี แต่ยังเด็ก ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไม่รู้ว่าเราไม่มีหรือเราอะไรเท่าไหร่ มาเริ่มรู้ตอนประถมว่าฐานะที่บ้านไม่ได้รวย ไม่ได้อะไร ก็เริ่มอยากจะร้องเพลง”

ตระเวนไปร้องที่นั่น ที่นี่ ตามงานโน้น งานนี้ โดยจำได้ดีว่าช่วงราวประถม 4 เธอได้ค่าตัวจากการร้องวันละ 150 บาท

ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ “มันไม่ตายตัวค่ะ แล้วแต่งาน” ลำไยบอกเลี่ยงๆ

หากโดยภาพรวมบอกเลย “ตอนนี้ก็พอมีค่ะ พออยู่ พอกิน พอใช้ สบายขึ้น”

ซึ่ง “อยากมีเงินเยอะๆ ค่ะ” ลำไยบอกตามตรง

“หลายสิบล้านได้ก็ดี” สารภาพแล้วเธอก็หัวเราะ

“อยากจะซื้อบ้าน ซื้อรถ แล้วสมมุติว่าถ้ามีเงินเก็บพอสมควรก็อยากจะเปิดร้านหรือกิจการอะไรเล็กๆ ให้แม่ดูแล”

ลําไยซึ่งคาดหวังว่าจะมีงานร้องเพลงและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ไปเรื่อยๆ บอกด้วยว่าถ้าเลือกได้ ต่อไปเวลาพูดถึง ลำไย ไหทองคำ “ก็อยากจะให้มีจุดจดจำที่เพลง ด้วยฝีมือ มากกว่าที่จะมาพูดถึงท่าเต้น”

แต่กระนั้น “ก็คงมีท่าเซ็กซี่ มีท่าสนุกบนเวทีเหมือนกันนะคะ แต่จะไม่ได้แบบว่าจนเกินไป”

ด้วยถึงอย่างไรเธอก็มีลิมิตของตัว

“อย่างการแสดงบนเวทีเราเต็มที่ แต่กับแฟนเพลงหน้าเวที ที่ให้ทิปให้อะไร ให้กับมือ ไม่ให้ยัด ไม่ให้เหน็บกับเสื้อผ้า เหมือนว่าเราให้เขาดูแค่การแสดง ไม่ใช่ให้เขามาถูกเนื้อต้องตัวเรา คือถ้าจับมือจับได้ แต่อะไรที่มันไม่ควร ก็ไม่”

กับผู้ชายทั้งหลาย ลำไยบอกว่า นอกจาก “แฟนเล่นๆ” ที่คบเหมือนวัยรุ่นคุยกันเมื่อครั้งกระโน้นก่อนจะเลิกรากันไป เธอก็ไม่เคยมีแฟนจริงๆ จังๆ มาก่อน

“ชอบผู้ชายผิวเข้ม ที่ไม่จุกจิก และเข้าใจเราค่ะ” เจ้าตัวบอกสเป๊ก

“แต่ไม่ค่อยมีเข้ามานะคะ เหมือนเขาจะคิดตรงกันว่าไม่กล้าจีบ บางคนอาจจะคิดว่าแรงขนาดนี้มีแฟนหรือเปล่า แล้วปกติไม่ค่อยได้ติดต่อกับใครโดยตรง โดยส่วนตัวอยู่แล้ว”

เพราะรับงานก็มีคนรับให้ ไปไหนมาไหนแม่ก็ไปด้วย

แถมที่สำคัญก็อย่างที่บอกว่างานเยอะ

“ถ้าเมื่อก่อนเรานอนอยู่บ้าน ตื่นมา แล้วเย็นๆ ค่อยออกไปงาน แต่ตอนนี้ชีวิตอยู่กับการเดินทาง นอนบนรถเป็นส่วนใหญ่ ตื่นมาก็อยู่บนรถ จากนั้นก็ทำงาน บางทีเลิกงานดึก ก็เข้าเซเว่นซึ่งกลายเป็นร้านอาหารหลัก”

“แล้วก็คิดอยู่ว่าต่อไปถ้างานเริ่มซาก็จะกลับไปเรียนต่อ” นักร้องสาวซึ่งตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนนาฏศิลป์ เมื่อตอนเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 หลังโดนกระแสวิจารณ์มากมายจากท่าเต้น แล้วหันมายึดการทำงานเป็นหลักบอก โดยว่าถ้าจะเรียนจริงๆ คราวนี้คงเปลี่ยนเป็นสายวิชาชีพ ซึ่งยังไม่ตัดสินใจว่าจะเป็นด้านไหน

หากที่แน่ๆ คือจะต้องเอาไว้ใช้เลี้ยงตัวได้ ในยามที่เสียงเพลงและท่าเต้นของเธออาจไม่ได้เป็นจุดดึงดูดความสนใจของใครๆ อีกแล้ว