จากมารดา “ธงทอง จันทรางศุ” กับงานเขียน “แม่คุยกับลูก” : รักลูกสุดหัวใจจากแม่

แม่คุยกับลูก (จบ)

เมื่อเช้านี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ เราอยู่ร่วมทุกข์และสุขกันมาได้สามสิบสามปีเต็ม

เมื่อตอนเราออกไปใส่บาตรร่วมกันเช่นที่เคยทำมาทุกปี ท่านมหาดำ พระที่มารับบาตรเราเป็นประจำทุกๆ เช้า ทักถามด้วยความเคยชินว่า วันนี้เป็นวันเกิดใครหรือ

พ่อเป็นคนตอบคำถามของท่าน

พอได้ยินคำตอบ ท่านก็ยิ้ม ให้พรว่า

“อยู่กันจนไม้เท้ายอดทองนะ คุณโยมน่ะเป็นคู่ตัวอย่างได้แล้วนะ”

หมู่นี้มีผู้ใหญ่ทักถามเราเช่นนี้หลายท่าน ซึ่งแม่ก็ได้แต่ขอน้อมรับพรเอาไว้

แม่มานึกๆ ดู ถึงเวลาที่ผ่านมาก็ออกจะเป็นเวลาที่นานมากพอดู

คู่แต่งงานแทบทุกคู่ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นเวลาสิบๆ ปีจะบอกได้ว่าชีวิตคู่นั้นไม่ได้ปูลาดไว้ด้วยกลีบกุหลาบอันหวานหอมเหมือนในนิยายที่เคยมีคนเขียนเอาไว้

การที่จะจับเอาคนต่างครอบครัวที่มีชีวิตกันคนละแบบ อยู่ในสิ่งแวดล้อมและภูมิหลังที่แตกต่างกัน ตลอดจนอุปนิสัยใจคอที่ต่างชีวิตจิตใจ มาหลอมลงในเบ้าเดียวกันนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก

การปรับตัวเข้าหากันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

บางครอบครัวอาจจะต้องใช้เวลาตลอดชีวิต เพราะปัญหาในครอบครัวเป็นสิ่งจุกจิก หยุมหยิม บางครั้งอาจจะมองไม่เห็น นึกไม่ถึง แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นจนได้

ปัญหาแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น ไม่เคยซ้ำแบบกัน

บางครั้งเหมือนกับมรสุมที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล แต่บางครั้งแม้ไม่มีวี่แววของมรสุมมาก่อน ทะเลก็เป็นบ้าได้เหมือนกัน

ยิ่งเมื่อตอนมีลูก ปัญหาก็เพิ่มขึ้น

แต่สำหรับแม่เองแล้ว ถือว่าลูกเป็นสำคัญที่สุดในชีวิต

แม่เคยพูดอยู่เสมอว่า ครอบครัวที่มีลูกนั้นโชคดี เพราะเปรียบเสมือนมีโซ่ทองของชีวิต เอาไว้คล้องครอบครัวไว้มิให้แตกแยกกันเวลาพบกับมรสุม

ชีวิตในครอบครัว แม่คิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการประคับประคองชีวิตสมรสให้ไปได้ตลอดรอดฝั่งก็คือความอดทน และให้อภัยซึ่งกันและกัน

ไม่มีใครหรอกที่จะคิดถูกทำถูกอยู่คนเดียว แล้วก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะคิดอะไรสอดคล้องต้องใจกันไปเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่าง

มนุษย์แทบทุกคนจะมีข้อเสียอยู่ก็ตรงที่ความรักตนเอง

ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ความคิดข้อแรกก็คือ เราถูกและเขาผิด

ถ้าโทสะลดลงแล้ว ไตร่ตรองเรื่องราวใหม่อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว โปรดอย่าละอายในการที่จะกล่าวคำขอโทษ

คำคำนี้คำเดียว ไม่ว่าจะในกรณีของสามี ภรรยา เพื่อนหรือพี่น้อง ถ้าใช้คำนี้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น การให้อภัยกันจะติดตามมา

แต่คำคำเดียวนี่แหละ เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนบางคน

เพราะความรักตัวคนนั้น พระท่านว่ามันเป็นมิจฉาทิฐิ

พระท่านถึงได้พร่ำสอนเราอยู่เสมอว่า การเอาชนะใครนั้นไม่ยากเท่ากับเอาชนะตัวเอง ใครเอาชนะตัวเองได้นั้น ท่านสรรเสริญจ้ะ

ปีนี้แม่มารู้สึกว่าแก่ลงไปมาก ความคิดความอ่านมันเชื่องช้าลงไป พูดคุยกันบางครั้งหน่ายังบ่นว่าเดี๋ยวนี้สมองแม่ช้าลงไป ชักตามเรื่องไม่ใคร่จะทันเสียแล้ว

ก็จะมีอะไรเสียอีกล่ะ นอกจากเป็นเรื่องความเสื่อมทางสังขาร

แล้วคนแก่อย่างแม่ ก็มักจะคิดไปถึงเรื่องเก่าๆ ในอดีต เป็นต้นว่านึกย้อนไปถึงสมัยเมื่อยังเป็นเด็กอยู่ว่าเคยสุขมาอย่างไรในอดีต

ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าพระท่านสอนไว้ว่าไม่ให้ไปติดอยู่กับอดีต แต่ให้อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด นั่นก็คือให้มีสติรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

แต่ที่แม่คุยมาทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าหน่านั้นชอบฟังเรื่องเก่าๆ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

เมื่อหน่าเป็นเด็ก เวลาผู้ใหญ่นั่งล้อมวงคุยกัน หน่ามักจะนอนคว่ำ เขยิบเข้ามาใกล้ๆ วงสนทนา แล้วก็ตั้งอกตั้งใจฟังอย่างมีความสุข

ลูกคงยังจำได้ว่า เมื่อวันที่เราย้ายออกจากบ้านซอยอารีย์เพื่อจะมาอยู่ที่บ้านกล้วยนั้น หน่าอายุได้สัก 5-6 ขวบ

แม่จำได้ว่าหน่าเป็นทุกข์มากที่สุดเท่าที่เด็กอายุขนาดนั้นจะเป็นอย่างนี้

หน่าไม่ชอบการจาก

ส่วนยุ้ยนั้นยังเด็กเกินไปที่จะทุกข์โศก

แล้วที่สุดเราก็มา และมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บ้านหลังนี้นานถึง 27 ปี

มาปัจจุบันนี้ เราก็กำลังจะต้องย้ายบ้านอีกครั้งหนึ่งแล้ว

คราวนี้คงจะเป็นการย้ายบ้านครั้งสุดท้าย สำหรับพ่อและแม่

เพราะพ่อและแม่นั้นคงจะแก่เกินไปสำหรับการย้ายครั้งไหนๆ อีก

การย้ายครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้วเพราะลูกๆ โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ยอมรับสภาพของการเปลี่ยนแปลงได้

และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ลูกๆ ดูเหมือนจะได้ทุกสิ่งตามที่ตนต้องการ

แต่ลูกก็ต้องไม่ลืมว่า คนเรา ใช่ว่าจะได้สิ่งที่ตนต้องการทุกครั้งไป บางครั้งเราได้สิ่งที่สมหวัง ก็ต้องทำใจไว้สำหรับพบกับความผิดหวังบ้าง

การ “พบ” กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ต้องเตรียมใจไว้สำหรับการ “จาก”

ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าแม่จะสอนให้ลูกๆ มองโลกในแง่ร้าย

แม่อยากให้ลูกๆ ยังคงรักษาดอกไม้ในหัวใจของลูกให้บานอยู่ตลอดไป

รักษาเชื้อความดีงามในหัวใจของลูกไว้ เปิดหัวใจให้กว้าง มองโลกให้กว้าง พร้อมที่จะให้อภัยคนอื่นอยู่เสมอ

ความอ่อนโยนในหัวใจของเราเท่านั้นที่จะชำระความขุ่นข้องหมองใจ ความบาดหมางใดๆ ที่จะมีระหว่างตัวเราและคนรอบๆ ข้างได้

แม่มีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอคุยกับลูกเป็นเรื่องสุดท้าย

เรื่องนี้เป็นความลับของแม่นิดหน่อยจ้ะ

คือแม่จำต้องสารภาพอะไรกับลูกบางอย่างว่า เดิมทีเดียวนั้นแม่ตั้งคำถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าความตายนั้นมันเป็นอย่างไร แล้วเวลาตายแล้วแม่จะไปอยู่ที่ไหน

ในนาทีสุดท้ายที่เราทุกคนจะต้องผจญด้วยตัวของตัวเองแต่ลำพังผู้เดียวนั้นมันออกจะน่ากลัวอยู่แล้ว ก็คงไม่มีใครกลับมาให้คำตอบแก่แม่ได้

แต่หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมมาสิบกว่าปีนี้ แม่คิดว่าได้รับคำตอบอันนี้แล้ว และแม่ก็ไม่ได้กลัวความตายอีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าหลังจากที่แม่ตายไปแล้ว…และเชื่อว่าถ้าลูกต้องการคำตอบข้อนั้นบ้าง แม่ก็คิดว่ามันคงไม่ยากที่จะค้นพบ

อ้อ! แล้วก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง

หลังจากที่คุณตาคุณยายของลูกสิ้นชีวิตไปเมื่อหลายสิบปีมาแล้วนั้น เดิมแม่ต้องสารภาพว่าแม่เศร้าโศกเสียใจมากเป็นที่สุด

แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปหลายสิบปี ความเศร้าโศกได้จางไปตามกาลเวลา แม่ได้รู้สึกว่าคุณตาคุณยายนั้นไม่ได้ตายไปไหนเลย

ไม่ว่าแม่จะทำอะไรถูกหรือผิด แสดงกิริยาวาจาอะไรออกไปน่าดูหรือไม่น่าดูนั้น ย่อมอยู่ในสายตาของท่านทั้งสิ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่อะไรเลย เป็นเพราะท่านอยู่ในหัวใจของแม่ตลอดเวลานั่นเอง

เพราะฉะนั้น แม่จึงได้แต่หวังว่า

วันหนึ่งเมื่อถึงเวลานั้นของแม่บ้าง

ลูกคงจะพอมีที่เก็บมุมเล็กๆ ในหัวใจของลูกไว้ให้แม่บ้าง…ก็เท่านั้นเอง

รักลูกสุดหัวใจ

จากแม่