เชิงบันไดทำเนียบ : คสช.ระส่ำ! ใครๆก็ป่วย ‘บิ๊กป้อม’ป่วยจริง ‘บิ๊กตู่’ป่วยการเมือง 4 คำถาม ขออยู่ต่อเลยได้ไหม ?

“ไม่เป็นไร สบายดี”

เป็นคำตอบสั้นๆ กับรอยยิ้มที่พยายามยิ้ม ของ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์และคสช. หลังหายไป 14 วัน ทั้งไปงานต่างประเทศและฟื้นฟูร่างกายหลังทำบอลลูนหัวใจมา
ร่ายกาย พล.อ.ประวิตรจึงซูบผอมลงไป 10 กิโลกรัม ทำให้เสื้อผ้าดูโคร่งขึ้น แต่ใจยังสู้ แม้ร่างกายจะเป็น “กล้ามเนื้อนอกควบคุม” ก็ตาม ที่ต้องใช้ “เวลา” และ “กำลังใจ” ฟื้นฟู พร้อมกับการดูแลทางการแพทย์ เป็นสิ่งที่ใครก็ตามแม้มี “อำนาจ-บารมี” ขนาดไหนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“ไหวสิ โธ่เอ๊ย ไม่ไหวก็ไม่มาทำงานแล้ว ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร” พล.อ.ประวิตร ทิ้งท้าย ก่อนทำงานวันแรกวันแรกที่ พล.อ.ประวิตร กลับมาทำงาน ทุกสายตาจึงจับต้องไปที่กระทรวงกลาโหม แม้สื่อจะมีคำถามค้างคาใจจำนวนมาก ที่ต้องถาม พล.อ.ประวิตร ให้ได้ แม้จะมีโทรศัพท์ไปถาโถมถามเรื่องราวการหายตัวไปหรือถามเรื่องเหตุการณ์ระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งคำตอบที่ไม่ชัดเจนเลย คือ หายไปไหนมา 14 วัน
เมื่อเจอ พล.อ.ประวิตร หลายคำถาม พล.อ.ประวิตร ตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่ใช่ พล.อ.ประวิตร คนเดิม ที่จะมีแรงปะทะกับคำถามของสื่อหรือถามสื่อกลับ การตอบคำถามของ พล.อ.ประวิตร ครั้งแรกหลังหายไป 14 วัน จึงเรียบๆนิ่งๆสั้นๆ และมีน้ำเสียงอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดและเดินช้าขึ้น สื่อจึงไม่ได้ซักถามได้เต็มที่และไม่นานเท่าใด

.
แม้ พล.อ.ประวิตร จะไม่สบอารมณ์กับสื่อกับหลายคำถามหรือมองว่าสื่อทำ คสช. เสียขบวน ก็อดยิ้มไม่ได้และขอบใจสื่อ ที่สื่อเองก็ถามถึงสุขภาพและมารอทำข่าวจำนวนมาก จนยอมรับว่า “เป็นแค่นิดหน่อย ขอเวลา 10 วัน ก็กลับคืนมาแล้ว” เป็นการส่งสัญญาณว่าอีก 10 วัน จะกลับมาเป็น พล.อ.ประวิตร คนเดิม พร้อมชู 2 นิ้ว ส่งสัญญาณว่า “สู้ๆ”

.
น้องๆรอบ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่คนนี้ ก็มีสีหน้าที่ไม่ดีนัก เมื่อพี่ใหญ่ป่วย นายทหารคนสนิท พล.อ.ประวิตร แม้จะไม่บอกชัดว่าพี่ใหญ่ป่วยเป็นอะไรหรือไปรักษาที่ไหนอย่างไร เพราะนายอาจต้องการให้เป็นความ “ลับ” และ “เรื่องส่วนตัว” ก็ยากที่จะสืบหาคำตอบ แต่สิ่งที่นายทหารคนสนิท พล.อ.ประวิตร เห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญของ พี่ใหญ่คนนี้คือ “กำลังใจ”

“ให้กำลังใจนายหน่อยนะ นายต้องการกำลังใจช่วงนี้ อย่าเพิ่งรบราฆ่าฟันกัน” นายทหารคนสนิท พล.อ.ประวิตร กล่าวกับสื่อด้วยรอยยิ้ม


จึงเชื่อได้ว่า “กำลังใจ” คือสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ต้องการที่สุด ในวัย 72 ย่าง 73 ปี วันที่ 11ส.ค.นี้
จนมาถึง 30 พ.ค. หลังประชุมครม.เกิดฝนลงปรอยๆ สื่อยังคงดักสัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร ตามปกติ แต่ก็คิดกันแล้วว่าโอกาสให้สัมภาษณ์สื่อมีเพียง 50-50 เท่านั้น ด้วยฝนตกและสุขภาพ พล.อ.ประวิตร แล้วก็เป็นไปตามที่เผื่อใจกัน พล.อ.ประวิตร งดให้สัมภาษณ์สื่อ แต่หยุดตอบคำถามเรื่องเหตุศึกสีกากีสั้นๆ ถึงข้อมูลผู้ต้องสงสัยมือวางระเบิดรพ.พระมงกุฎเกล้า ไม่ตรงกันของตำรวจเอง

.
หลังมีข่าวศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ของคนกันเองอีกครั้งของ “2ป.สีกากี” ระหว่าง ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ ‘บิ๊กปู’พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ในการติดตามมือระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า เพราะหากใครทำสำเร็จจะเป็นแต้มต่อทันที ทั้งผู้รักษาเก้าอี้และผู้ชิงเก้าอี้
พล.อ.ประวิตร ยืนยันความเป็นเอกภาพของตำรวจและการทำงานติดตามจับกุมมือวางระเบิดเป็นไปทิศทางเดียวกัน กลางสายฝนปรอยๆ แม้จะยังสุขภาพไม่แข็งแรง จึงเชื่อได้ว่า พล.อ.ประวิตร อยากให้สัมภาษณ์สื่อตามปกติ แต่ด้วยสุขภาพที่อาจยืนนานไม่ได้จึงงดให้สัมภาษณ์ไป เรื่อยมาถึงวันที่ 1 มิ.ย. พล.อ.ประวิตร ออกงานอีกครั้งที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พร้อม ‘บิ๊กโด่ง’พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ‘บิ๊กช้าง’พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม พร้อม ผบ.เหล่าทัพ ร่วมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบรรพชาอุปสมบทอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9

.

ซึ่ง พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาสฯได้ให้พร ‘บิ๊กป้อม’ หายป่วยโดยเร็ว และที่ฟื้นตัวได้เร็ว เพราะประเทศชาติกำลังรอคอย ให้กลับมาทำงาน ดูแลชาติบ้านเมือง ให้ผลบุญร่วมงานบรรพชาอุปสมบทคุ้มครองสุขภาพกลับสู่ปกติโดยเร็ว

.

เป็นวันที่ 4 พล.อ.ประวิตร กลับมาทำงานก็มีท่วงท่าการเดินที่แข็งแรงขึ้น คล่องขึ้น และดูสดใสขึ้น ไปย้อมผมดำมา และยังคงยิ้มให้สื่อปกติ แต่งดให้สัมภาษณ์ยาวๆ มีเพียงพุดคุยกับสื่อก่อนขึ้นรถถึงเหตุพบระเบิดไปป์บอมตรงสถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรมเท่านั้น

.
หากดูแล้วอาการป่วยครั้งนี้ของ พล.อ.ประวิตร จึงเข้าข่าย “ป่วยจริง” มากกว่า “ป่วยการเมือง” แต่การป่วยจริงนี้ก็เข้าข่าย “ป่วยการเมือง” ได้ เพราะมาในช่วงสถานการณ์ที่พบระเบิดรายสัปดาห์นับตั้งเหตุระเบิดไปป์บอมหน้าโรงละครแห่งชาติ เหตุระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า และการพบไปป์บอมครั้งล่าสุด ทำให้ พล.อ.ประวิตร สามารถเลี่ยงการตอบคำถามสื่อมาได้หลายวัน ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพที่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเรื่องสุขภาพไม่เข้าใครออกใคร

.
ว่ากันว่า พล.อ.ประวิตร ไม่มีความสุขกับการป่วยครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร จะไม่สบอารมณ์กับข่าวที่ตัวเองป่วยไม่ว่าจริงไม่จริง และแสดงถึงสุขภาพตนเองที่แข็งแรง ทั้งการลงบันไดที่จะไม่ให้ใครจับหรือการเดินต่างๆ แม้ขาจะไม่แข็งแรง หลังหกล้มเมื่อปี2558 โดยในระยะหลังๆก่อน พล.อ.ประวิตร จะหายไป 14 วัน ก็มักจะเดินเซและก้าวขาได้ไม่สูงนัก

.
แต่ด้วยความเป็นทหารชายแดนมาก่อน และเป็นทหารที่ได้ชื่อว่าเป็น “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ด้วยแล้ว ความสมาร์ทหรือความแข็งแรงของร่างกายเป็นสิ่งที่แวดวงลายพราง ถือเป็นสิ่งสำคัญของ “ทหารอาชีพ” เลยทีเดียว การป่วยของ พล.อ.ประวิตร จึงทำให้คนสนิทรอบตัว “ป่วยทางใจ” ไปด้วย จึงเป็นที่มาของการให้ “กำลังใจ” กันและกัน

.
การไปรักษาตัวครั้งนี้เชื่อได้ว่ามีการนัดไว้ล่วงหน้า เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร เคยเปรยกับสื่อไว้ว่า ผมจะหายไป 14 วัน แต่ภายหลังบอกว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ 14 วันแทน จึงทำให้สื่อคลายสงสัยไป
แต่การไปต่างประเทศและพักฟื้นร่างกาย 14 วันครั้งนี้ พร้อมกับเหตุระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า ที่หัวขบวนฝ่ายความมั่นคงต้องออกมาบัญชาการกลับหายเงียบ แสดงชัดเจนว่าครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร “ป่วยจริง” และ “ไม่เบา” ไม่เช่นนั้นต้องลุกจากเตียงมาสั่งการแล้ว เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่มีเหตุระเบิดโรงพยาบาล


แต่เห็นทีจะมีคน “ป่วยการเมือง” หนีไม่พ้นน้องรัก ‘พี่ป้อม’ อย่าง’น้องตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ตั้ง 4 คำถามให้สังคมตอบ ทำเอาเหล่านักการเมืองตั้งคำถามกลับนายกฯและตอบในทิศทางที่ทำเอา นายกฯต้องออกมาซัดคืนหลังหมดความอดทนและทิ้งท้ายจะเลิกพูด 2-3 สัปดาห์
“ก่อนหน้านี้ผมสงบเสงี่ยมเจียมตัวมาหลายสัปดาห์แล้ว และจะเลิกพูดไปอีก 2-3 สัปดาห์ สื่ออย่าคิดถึงก็แล้วกัน” นายกฯ กล่าว

.
คำถามที่ทุกคนอยากรู้คือจะเอาผลของคำถามไปทำอะไร หรือผลโพลที่นายกฯตั้งคำถามเองครั้งนี้หวังผลอะไรทางการเมือง หนีไม่พ้นการตั้งคำถามนี้จะเป็นการปูทาง “อยู่ต่อ” หรือไม่ เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นคำถามชี้นำ จนทำให้ฝ่ายการเมืองเห็นถึงสัญญาณนี้พากันออกมาตอบโต้ ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม

“อยู่ได้อย่างไร ถ้าอยากอยู่ต่อ ผมต้องถามว่าต้องการเลือกตั้งหรือไม่ แต่ผมไม่ได้ถาม เมื่อไม่ได้ถามก็อย่าไปตีความ แต่ผมถามว่าถ้าเกิดปัญหาในวันหน้าจะแก้ไขอย่างไรหรือต้องเรียกทหารออกมาปฏิวัติอีก คุณจะเอาอะไรกับผม” พล.อ.ประยุทธ์ โต้

หากย้อนไทม์ไลน์ตลอดสัปดาห์จะพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีวิธีการรับมือไม่ให้สัมภาษณ์สื่อตามสัญญา แต่เชื่อว่าในใจนายกฯอยากจะให้สัมภาษณ์สื่อและตอบโต้ฝ่ายการเมืองที่ออกโรงตอบคำถามนายกฯด้วยการทวงถามสัญญาหรือตอบตรงข้ามใจของนายกฯก็เป็นได้ แม้นายกฯจะย้ำชัดไม่มีคำตอบในใจก็ตาม
“ผมไม่มีความตั้งใจจะได้คำตอบที่ถูกใจ หรือไม่ตรงใจ ผมต้องการสร้างการเรียนรู้ว่าประชาชนจะช่วยกันอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่ดี มีธรรมาภิบาลในการบริหารบ้านเมืองต่อไป ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวนายกรัฐมนตรีเลย เพราะการเลือกตั้ง ประชาชนเป็นผู้เลือก ต้องเลือกด้วยความรอบคอบ” พล.อ.ประยุทธ์ เขียนโน๊ตตอบสื่อ

.
แม้สื่อจะไถ่ถามนายกฯว่าที่ไม่ให้สัมภาษณ์เพราะงอนสื่อหรือไม่ ที่นายกฯมักมองว่าสื่อชอบขยายความให้ฝ่ายการเมือง ด้วยการเอาวาทะของฝ่ายการเมืองมาถาม ที่สำคัญหากดูจากการตอบคำถามของนายกฯเมื่อ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา จะพบว่ามีน้ำเสียงดุดันกว่าที่ผ่านๆมา นับตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์มา
“ไม่ได้งอน ผมไม่ใช่เด็กนะ จะมางอนอะไรกัน ขี้เกียจพูด” นายกฯ กล่าวก่อนทิ้งโน๊ตให้อ่านแทน
เช่นครั้งวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา นายกฯมีคิวออกกำลังกายช่วงวันพุธบ่ายก็งดออกกำลังกาย แต่เดินรอบทำเนียบฯแทน ตรวจงานก่อสร้างบริเวณตึกบัญชาการ และชมบ่อบัวที่อยู่โดยรอบหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะเอานิ้วชี้วางบนปากเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าไม่พูดและกล่าวสั้นๆว่า “เจ็บฟัน”

.
ล่าสุดวันที่ 2 มิ.ย. แม้จะเจอกับสื่อแต่ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์มีเพียงยืนโพสต์ท่าให้สื่อถ่ายรูปผ้าพันคอ-กระเป๋าจากผ้าขาวม้า ที่ชาวนาเอามาให้ในวันชาวนาไทย 2 มิ.ย. แต่เมื่อถามถึงกรณี ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ และเหล่าฝ่ายสาวก กปปส. ที่ยังคงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง ให้ขึ้นนั่ง “นายกฯคนออก” ด้วยการใช้เสียง ส.ว.แต่งตั้งหนุนขึ้นมา ก็เป็นข้อเสนอที่ไม่แปลกนักที่มาจากกลุ่มกปปส. ซึ่งนายกฯก็ไม่มีความชัดเจนต่อข้อเสนอนี้

“มันมายังไงว่ะ” นายกฯ กล่าวสั้นๆ

แม้จะเหมือนไม่มีอะไร แต่อาจเป็นสัญญาณกลายๆถึงอนาคต ที่ใครๆก้เชื่อว่า ‘บิ๊กตู่’ มาแน่ อยู่ยาวผ่านนายกฯคนนอก 4 คำถามของนายกฯจึงไม่ธรรมดา ที่นายกฯลุงขึ้นมาทำโพลด้วยตนเอง จนมีการมองว่าเป็น “ประชาพิจารณ์” อีกทางของนายกฯ ผลโพลไม่ว่าจะเป็นทิศทางใด ก็มีส่วนสำคัญในการประกอบการตัดสินใจของนายกฯเอง

.
แต่นายกฯต้องมั่นใจแล้วว่าคำตอบที่ได้ จะเป็นไปในทิศทางที่เอื้อต่อการทำงานของคสช. เพื่อไม่ให้การรัฐประหาร2557 เสียของ อีกทั้งเพื่อเชคเรตติ้งนายกฯเองว่าควรจะทำสิ่งใดต่อ ที่สำคัญเป็นการโยนหินถามทางเป็นที่เรียบร้อยว่าฝ่ายการเมืองคิดอย่างไร หรือกลุ่มผู้นำด้านต่างๆมองอย่างไร จะแก้เกมอย่างไรให้ก้าวข้ามปีที่4 ของคสช.ไปได้

.
ที่แน่ๆการที่สาวก กปปส. ออกมาหนุน ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯคนนอก เปรียบเป็นการปูทางไว้แล้ว และเป็นไปได้ตามกฎหมายด้วยรัฐธรรมนูญ2560 ได้เปิดช่องไว้ เช่นเดียวกับข้อเสนอ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ที่กปปส.ใช้ จนนำมาสู่การปูทาง “รัฐประหาร 22พ.ค.2557” ที่สำเร็จมาแล้วนั่นเอง
อะไรก็เกิดขึ้นได้ มาแล้ว !!