เชิงบันไดทำเนียบ : เจาะไลฟ์สไตล์ ‘บิ๊กป้อม’ บทบาท ‘ปู่-ทวด’ ในบ้านวงษ์สุวรรณ

ผ่านมา 2 เดือนของ ‘ครม.ประยุทธ์2/1’ ที่บทบาทของ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยังไม่ลดลง และถูกมองว่าเป็น ‘รมว.กลาโหมเงา’ รวมทั้ง ‘ประธาน ก.ตร. เงา’ ด้วย หลัง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แม้จะไม่ได้เป็น หัวหน้า คสช. แล้ว แต่ก็ยังคงคุมเหล่าทัพด้วยตนเองผ่านเก้าอี้ รมว.กลาโหม และ ปธ.ก.ตร. โดยเป็นตำแหน่งที่ พล.อ.ประวิตร เคยนั่งยาว 5 ปี ยุค คสช. แม้ทั้ง ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ จะให้เหตุผลตรงกันในเรื่องสุขภาพ ‘บิ๊กป้อม’ ก็ตาม
.
แต่สิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ย้ำเสมอช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือเรื่องสุขภาพ ก่อนหน้านี้แม้จะพยายามย้ำถึงความแข็งแรงของตัวเอง ตามสไตล์ของนายทหาร ที่สำคัญเป็น ‘พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์’ ด้วยแล้ว ทำให้ พล.อ.ประวิตร ต้องเก็บไว้ในใจ แต่สภาพร่างกายที่แสดงออกช่วง 2 ปีมานี้ ก็ยากที่จะเก็บไว้ในใจ ทำให้ พล.อ.ประวิตร ถึงกับเอ่ยคำว่า “พอแล้ว” หลังสื่อแซวให้นั่ง รมว.กลาโหมอีก 2 ปี รวมเป็น 10 ปี ตั้งแต่สมัย รบ.อภิสิทธิ์ 3 ปี ยุค คสช. 5 ปี โดยสิ่งที่นายทหารใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร พูดตรงกันคือ อยากให้นายได้พักดูแลสุขภาพ ดังนั้นการที่ พล.อ.ประวิตร มีตำแหน่งน้อยลง ก็ทำให้มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น
.
แต่สุดท้ายเวลาส่วนนี้ก็ถูกยกไปในตำแหน่งใหม่ ในการเป็น ปธ.กรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่ พล.อ.ประวิตร ตั้งเป้าหมาย ส.ส.250 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และเตรียมทัพเลือกตั้งท้องถิ่น ต้นปี63 พร้อมยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม.แน่นอน

ในการเป็น ‘ซุปเปอร์คอนเนกชั่น’ ของ พล.อ.ประวิตร จึงทำให้พรรคพลังประชารัฐดูพองโตมากขึ้น จนทำให้ ‘อุตตม สาวนายน’หน.พรรคพลังประชารัฐ ถึงกับเอ่ยคำว่า ‘พี่ป้อมมาก็อุ่นใจ’ เมื่อครั้ง พล.อ.ประวิตร เข้าพรรคครั้งแรก ถือเป็นฐานบารมีใหม่ของ พล.อ.ประวิตร แต่ในรั้วทหาร-ตร.นั้น พล.อ.ประวิตร ก็ยังคงมีบารมีอยู่ แม้ดุลอำนาจในกองทัพจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ทุกเช้าวันศุกร์ ผบ.เหล่าทัพ ยังคงมาทานอาหารเช้ากับ พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ทุกสัปดาห์ ในฐานะ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง
.
แต่สุดท้ายด้วยความเป็น ‘พี่ป้อม’ ตท.6 ของ ‘บิ๊กตู่’ หลัง นายกฯ ย้ำความสัมพันธ์แนบแน่นกลาง วอป. เปรียบได้ว่า ‘มีวันนี้เพราะพี่ให้’ รวมทั้ง ‘พี่ป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ที่ นายกฯ ก็เคยพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว โดย ตท.10 กับ ตท.12 ถือเป็นรุ่นที่เดินตามกันมา
.
“ผมมีวันนี้ได้เพราะท่านสอนผมมา ไม่มีใครเข้าใจหรอก ถ้าเราไม่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาแบบผมกับท่าน อยู่ชายแดนมาด้วยกัน ผมก็หนุ่มท่านก็หนุ่ม มีความห่วงใยที่ดีให้กัน มีความผูกพันและร่วมชะตากรรมกันมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
“พี่ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ ผมถึงมายืนจุดนี้ ก็พิสูจน์ตัวกันมานาน ท่านก็ไว้ใจผม นอนบ้านเดียวกันมาทั้งหมดความสัมพันธ์นี้มากกว่า 40 ปี ไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์หรือตอบแทนอะไรกันทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
.
ในความนิ่งของ พล.อ.ประวิตร ก็มีความห่วงใย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น้อย ยังคงยืนยันจะช่วยงานนายกฯไปจนกว่าจะไม่ไหว ซึ่งคำว่า ‘ไม่ไหว’ ตรงนี้ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้บอกว่าเมื่อใดแน่ และเป็นที่รู้กันว่าภารกิจยังอีกยาวไกล

แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ดูแลสุขภาพตัวเองตลอด แม้จะไม่ค่อยมีเวลาก็ตาม โดยออกกำลังกาย ด้วยการเดินในสระน้ำ ที่บ้านพักย่านมีนบุรี ช่วงเช้ามืดวันหยุดแทน แม้ในอดีตกีฬาที่ พล.อ.ประวิตร เล่นคือตีกอล์ฟ แต่ด้วยสุขภาพขาจึงงดไป แม้แต่วันเกิดปีนี้ ที่เพื่อน ตท.6 จัดเลี้ยงที่สนามกอล์ฟ ทบ. ย่านรามอินทรา พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ร่วมออกรอบด้วย
.
รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารมากขึ้น การเป็นนายทหารโสด ไม่เคยแต่งงานมาก่อน ก็ทำให้ พล.อ.ประวิตร มีเวลาให้ครอบครัวและเพื่อนพี่น้องอย่างมาก ในช่วงนี้ทุกๆเย็น พล.อ.ประวิตร จะไปเยี่ยม ‘คุณแม่สายนี’ อายุ 98 ปี ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า อยู่ตลอด อยู่พูดคุย-ดูแลกัน ส่วน ‘น้องป๊อด’พล.ต.อ.พัชรวาทย์ วงษ์สุวรรณ น้องชายก็ออกจาก รพ.พระมงกุฎเกล้าแล้ว อาการดีขึ้นมากแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
.
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ก็มีความคิดกลับมาพักผ่อน ใช้ชีวิตของตัวเอง โดยคิดว่าหลังจากหมดภารกิจกับนายกฯแล้วจะไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ หากถามว่า พล.อ.ประวิตร มีวิธีรีแลคตัวเองอย่างไร จากงานที่มากและมีหมวกหลายใบ คำตอบกลับไม่ใช่ การฟังเพลงหรือเล่นกีฬาหรือไปเที่ยว แต่กลับเป็นการนอนมากกว่า ซึ่ง พล.อ.ประวิตร เผยว่า ตนนอนตื่นตี 4 มาตั้งแต่เป็นนายทหารหนุ่มๆแล้ว ไม่เคยนอนตื่นสายเลย
.
แต่มีสายรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ถือเป็นนักชิมเลยทีเดียว เพราะเคยมีคนไปพบที่ร้านอาหารที่ต่างๆมาแล้ว หากถามถึงอาหารที่ พล.อ.ประวิตร ชื่นชอบการทานเนื้อ แต่ก็ทานน้อยลงด้วยสุขภาพและอายุ
.
หากถามถึงกิจกรรมยามว่าง พล.อ.ประวิตร ได้ไปเที่ยวกับหลานๆเหลนๆหรือไม่ พล.อ.ประวิตร บอกว่า ไม่ได้ไป เพราะเขาก็มีพ่อแม่ของเขาอยู่แล้ว ตนมีพี่น้อง 5 คน หลานคนโตสุดอายุ 40 แล้ว ส่วนที่เห็นเด็กๆก็เป็นเหลน เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคลิปเด็กอายุ 3-4 ขวบ นวดขาให้ พล.อ.ประวิตร เมื่อหลายปีก่อน ในบทบาทนอกบ้านที่เป็น ‘บิ๊กป้อม’ หรือเป็น ‘พี่ใหญ่’ แต่เมื่ออยู่ในครอบครัวก็เป็น ‘คุณตา-คุณปู่-คุณทวดป้อม’ แล้ว ก็จะได้เห็นรอยยิ้ม พล.อ.ประวิตร ที่ได้พูดเรื่องเหล่านี้เสมอ

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายทหารโสด ไม่เคยแต่งงาน แม้จะเคยมีคนถาม ‘โสดสนิท’ จริงหรือไม่ ? แต่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า “ผมไม่เคยผ่านการแต่งงาน” แม้จะมีการหาเหตุผลทำไม พล.อ.ประวิตร ถึงเป็นโสด ซึ่งก็ไม่มีคำตอบใดยืนยันออกมา แต่การเป็นโสดนี้ก็เป็นจุดที่ทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้ใช้เวลาอยู่กับงานและพี่น้องเพื่อนฝูงอย่างมาก เป็นอีกจุดของการสร้างบารมีด้วย
.
ในช่วงชีวิตที่ พล.อ.ประวิตร เติบโตมาในครอบครัวทหาร โดยมีคุณพ่อเป็น ‘นายทหารชั้นผู้ใหญ่’ พล.ต.ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ และจบการศึกษา ร.ร.เซนต์คาเบรียล ก่อนมาเป็น ตท.6 รุ่นฝนแรก – จปร.17 ‘บิ๊กป้อม’ เป็นแกนนำ ตท.6 ด้วย จากนั้นชีวิตราชการเติบโตจาก พล.ร.2 รอ. จนได้ชื่อว่า ‘พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์’ ตลอดชีวิต พล.อ.ประวิตร จึงอยู่กับการเป็น ‘ผู้นำ’ และเป็นที่จับจ้องตลอด
.
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของ พล.อ.ประวิตร ในความเป็น ‘พี่ใหญ่’ ที่มี ‘อำนาจ-บารมี’ แต่อีกมุมของพล.อ.ประวิตร ก็คือปุถุชนคนหนึ่งที่มีครอบครัวและมีความรู้สึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมา