E-DUANG : “ความพยายาม”ยังอยู่ที่”ดีเอสไอ”และ”ตำรวจ”

กรณีของ “วัดพระธรรมกาย” เป็นบทเรียนอันทรงความหมายยิ่งในกระบวนการแห่ง “อำนาจ”

ถามว่า “ดีเอสไอ” มี”อำนาจ”หรือไม่

ตอบได้เลยว่า ด้วย”หมายจับ” ที่มีอยู่ และด้วย”หมายค้น”ที่มีอยู่ทำให้ “ดีเอสไอ”มีอำนาจอย่างเต็มเปี่ยม

จับตัว พระเทพญาณมหามุนี ได้

หาก พระเทพญาณมหามุนี ไม่ยอมมอบตัวก็สามารถอาศัย”หมายค้น” บุกเข้าไปยังสถานที่ที่เชื่อว่า พระเทพญาณมหามุนี หลบซ่อนอยู่

หรือหาก”ดีเอสไอ”ไม่สามารถจับด้วยตนเองได้ก็สามารถขอความร่วมมือไปยัง “ตำรวจ”ได้

กรณีนี้”ดีเอสไอ”ได้พยายามแล้ว

กรณีนี้เมื่อ”ดีเอสไอ”ได้พยายามอย่างเต็มที่แต่รู้ว่าไม่สำเร็จก็ได้ประสานขอความร่วมมือจาก”ตำรวจ”ให้จัดกำลังพลจำนวน 15 กองร้อยเพื่อลงมือตาม”แผน”

แต่เมื่อพ้นวันที่ 16 ธันวาคมไปก็ได้”คำตอบ”

 

คำตอบที่รับรู้ร่วมกันได้ในตอนเช้าของวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคมสัมผัสได้จากพาดหัวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์

4 วันค้นธรรมเกรียนเหลว จ่ออยู่แค่ริมรั้ววัด

หมายค้นหมดอายุ DSI ยังไม่บุก”ธรรมกาย”

สะท้อนให้เห็นว่า “ความพยายาม”อยู่ที่ไหน “ความพยายาม”ก็ยังอยู่ ณ ที่นั่น

นั่นก็คือ อยู่ที่”ดีเอสไอ”

นั่นก็คือ อยู่ที่ “สภ.คลองหลวง”และอยู่ตามจุดต่างๆในพื้นที่ของ “บช.ภ.1”

แม้ในคืนวันที่ 15 ธันวาคม จะ”พยายาม”อย่างยิ่ง

นั่นก็คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ประชุมคณะทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วจนถึง 01.00 ของวันที่ 16 ธันวาคม

ที่สุดก็ยังไม่มีการบุกตาม “หมายค้น”ที่ได้มา

 

ไม่ว่าเหตุผลอันทำให้ “ตำรวจ”ไม่สามารถเคลื่อนขบวนตามคำขอของ “ดีเอสไอ”จะคืออะไรกันแน่

แต่ผลก็คือ มิอาจ”ปฏิบัติ” ตาม”หมายค้น”

หากมองจากการตั้ง”ความหวัง”ของกองเชียร์ระดับ นายไพ บูลย์ นิติตะวัน ระดับ นพ.มโน เลาหวณิช

ก็ต้องยอมรับใน “ความล้มเหลว”

แม้ว่าทั้ง “ตำรวจ”และ”ดีเอสไอ”จะได้คดีมากกว่า 100 คดีต่อวัดพระธรรมกายและต่อพระเทพญาณมหามุนีมาอยู่ในความรับผิดชอบ

แต่นั่นก็เสมอเป็นเพียง”ถนิมพิมพาภรณ์”

เพราะเป้าหมายหลัก คือ “หมายจับ” เพราะเป้าหมายหลัก คือ”หมายค้น”

“หมายจับ” ต่อ พระเทพญาณมหามุนี

“หมายค้น” ต่อ วัดพระธรรมกาย

สะท้อนและยืนยันให้ประจักษ์ว่า แม้”อำนาจ”จะมี แต่มิได้หมายความว่าจะ “ปฏิบัติ”ได้เสมอไป