ไทเกอร์ วู้ดส์ กับจังหวะเวลาที่ยังมาไม่ถึง…

กลายเป็นการรอคอยที่ทำให้หลายคนผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อ “ไทเกอร์ วู้ดส์” อดีตโปรกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลกชาวอเมริกัน ออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการแข่งขัน “เซฟเวย์ โอเพ่น” รายการเปิดหัวฤดูกาล 2016-17 ของพีจีเอทัวร์ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม

ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน วู้ดส์เพิ่งยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะกลับมาแข่งขันแน่นอน โดยคราวนี้เจ้าตัวให้เหตุผลว่า เรื่องสุขภาพกายและสุขภาพใจไม่มีปัญหา แต่ฟอร์มการเล่นในตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นจะสู้กับนักกอล์ฟชั้นนำของโลกได้

แถลงการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า วู้ดส์จริงจังกับการ “คัมแบ๊ก” ครั้งนี้มากขนาดไหน เพราะอาจเป็น “โอกาส” สุดท้ายของเจ้าตัวในเวทีกอล์ฟระดับโลกแล้ว

ก่อนหน้านี้ วู้ดส์เคยมีบทเรียนราคาแพงจากการฝืนกลับมาเล่นหลังผ่าตัดรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเมื่อเดือนเมษายนปี 2014 เพียงไม่กี่เดือน

ปรากฏว่าพอตีช็อตยากจากบังเกอร์ อาการก็กำเริบขึ้นมาจนต้องถอนตัวจากศึก “ดับเบิลยูจีซี บริดจสโตน อินวิเตชั่นแนล” ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 กลางคัน พักได้ไม่นานก็กลับมาแข่งอีก สุดท้ายอาการยิ่งแย่จนต้องพักยาวอย่างในปัจจุบัน

หลังจากนั้นวู้ดส์ต้องผ่านการผ่าตัดซ่อมอีก 2 ครั้ง และร้างสนามไปนานถึง 14 เดือน ซึ่งคาดว่าบทเรียนจากความผิดพลาดในครั้งแรกทำให้เขาตัดสินใจใช้เวลาพักให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังการผ่าตัดซ่อม

เพราะถ้าฝืนคัมแบ๊กทั้งที่สภาพร่างกายไม่พร้อมอีก คราวนี้อาจหมายถึงการต้องอำลาวงการอย่างถาวร

นักวิเคราะห์มองว่า เบื้องต้นนั้น ขอให้วู้ดส์กลับมาแข่งขันได้แบบแน่ใจว่าอาการเจ็บจะไม่มากวนใจแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จในสเต็ปแรก ส่วนจะเรียกฟอร์มเก่งคืนมาได้หรือไม่ เป็นสเต็ปต่อไปที่ต้องลุ้นกัน

หลายคนวิเคราะห์ต่อว่า ด้วยชื่อชั้นและศักดิ์ศรีของยอดนักกอล์ฟซึ่งได้ชื่อว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ถ้าการกลับมาครั้งนี้ไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นได้เหมือนกับสมัยก่อน อาจไม่จำเป็นต้องถึงขั้น “ไร้เทียมทาน” แต่อย่างน้อยๆ ก็ต้องอยู่ในระดับหวังผลได้ ไม่เช่นนั้นคนเคยยิ่งใหญ่อย่างเขาคงรับตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน

เหตุผลในแถลงการณ์ล่าสุดของวู้ดส์ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีว่า เรื่องสุขภาพไม่ใช่ปัญหาแล้ว แต่ฟอร์มการเล่นยังไม่อยู่ในระดับแข่งขันได้นั่นเอง

นี่ยังไม่นับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ที่อาจส่งผลกับฟอร์มการเล่นของเขาไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่สปอนเซอร์หลักอย่าง “ไนกี้” ประกาศหยุดผลิตอุปกรณ์กอล์ฟเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเพราะธุรกิจด้านนี้ไปได้ไม่สวย

อันที่จริง ถ้าวู้ดส์ไม่แหยงจนรีบถอนตัวไปก่อน การลงแข่งขันรายการเซฟเวย์ โอเพ่น น่าจะช่วยให้เขาประเมินตัวเองได้มาก เพราะรายการเปิดสนามของฤดูกาลนี้ มีนักกอล์ฟมือดีเข้าร่วมไม่มาก สนามแข่งขันก็ค่อนข้างทื่อๆ ตรงๆ อุปสรรคไม่เยอะเหมาะกับการทดสอบตัวเองหลังหายหน้าหายตาไปนาน

แต่ถ้ามองในมุมกลับ เมื่อลองซ้อมกับสนามง่ายๆ แห่งนี้แล้วยังไม่ถูกใจ แสดงว่าเกมของเขาอยู่ในระดับน่าผิดหวังค่อนข้างมาก และไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไรทุกอย่างถึงจะเข้าที่เข้าทาง

อันที่จริง แค่มีข่าวว่าเขาจะกลับมาแข่งขัน บรรดาสื่อกีฬาและแฟนๆ กอล์ฟทั่วโลกต่างก็คึกคักกันมากๆ เพราะจากเดิมที่สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ (ไม่นับสื่อกอล์ฟโดยตรง) มักไม่ใส่ใจทำพรีวิวหรือสกู๊ปโหมโรงก่อนการแข่งขันแม้กระทั่งรายการใหญ่ๆ แต่พอมารายการเซฟเวย์ โอเพ่น คราวนี้ แทบทุกสื่อต่างพร้อมใจกันเตือนแฟนๆ ว่า ไทเกอร์ วู้ดส์ กำลังจะกลับมาแล้ว

เพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แม้ในช่วง 2-3 ปีให้หลัง วงการกอล์ฟจะเริ่มตื่นเต้นกับการขับเคี่ยวระหว่าง “บิ๊กทรี” ซึ่งในเวลาต่อมากลายเป็น “บิ๊กโฟร์” ของเหล่าโปรมือท็อป 4 ของโลกอย่าง “เจสัน เดย์” (ออสเตรเลีย), “ดัสติน จอห์นสัน” (สหรัฐ), “รอรี่ แม็กอิลรอย” (ไอร์แลนด์เหนือ) และ “จอร์แดน สปีธ” (สหรัฐ) อยู่บ้าง แต่เพราะ 4 คนนี้ไม่มีใครยืนระยะหรือรักษามาตรฐานการเล่นได้ยาวๆ เหมือนอย่างสมัยวู้ดส์ครองความยิ่งใหญ่เลย (เดย์เพิ่งมีปัญหาเจ็บหลังจนถอนตัวหลายรายการติดๆ กันในช่วงหลัง)

เทียบกันแล้ว การขับเคี่ยวแย่งความเป็น 1 ของวงการกอล์ฟหญิงระหว่าง “ลิเดีย โค” มือ 1 ของโลกชาวนิวซีแลนด์เชื้อสายเกาหลี และ “”โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล” โปรสาวมือ 2 ของโลกชาวไทย ซึ่งมีสไตล์การเล่นต่างกันแบบสุดขั้ว กลับจะดูตื่นเต้นน่าติดตามกว่าด้วยซ้ำ

ดังนั้น ทั้งแฟนๆ สื่อ และสปอนเซอร์จึงตั้งความหวังกับการกลับมาของวู้ดส์ไว้สูงมาก

ซึ่งอาจกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้เขาไม่กล้าเปิดตัวถ้ายังไม่พร้อมจริงๆ อย่างที่เห็น