E-DUANG : หากเป็น 6 ตุลา คงไม่มี “สี จิ้น ผิง”

การที่มีการตีพิมพ์หนังสืออย่าง “สี จิ้น ผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ”

เป็นบาทก้าวที่ “สำคัญ” และทรง”ความหมาย”

สำคัญเพราะว่าทั้งหมดเป็นรายงานการเมือง เป็นคำปราศรัย เป็นสุนทรพจน์โดย สี จิ้น ผิง

ทรงความหมายเพราะ 1 เป็นประธานาธิบดี

ขณะเดียวกัน ที่ทรงความหมายอย่างยิ่งยวดเพราะ 1 เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน

แค่เป็นประธานาธิบดี “จีน” ก็โอ่อ่าอลังการแล้ว

เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่ ไม่เพียงแต่มีวัฒนธรรมยาวนาน ต่อเนื่องมากว่า 5,000 ปี

หากยังมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน

ยิ่งกว่านั้น ยังมีชาวจีน”โพ้นทะเล”กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลก

กระนั้น ที่ต้องติดตามคือ ความเป็น”เลขาธิการพรรค”

พรรคที่ สี จิ้น ผิง ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการนั้นมิได้เป็นพรรค อย่างธรรมดาสามัญ

หากแต่เป็น “พรรคคอมมิวนิสต์”

ไม่เพียงแต่สืบทอดจาก “สันนิบาต” อัน คาร์ล มาร์กซ์ ริเริ่มและก่อตั้งร่วมกับ เฟรดเดอริก แองเกล เท่านั้น

หากแต่ยังพัฒนาจาก “บอลเชวิค” ของ อีไล เลนิน

ยิ่งกว่านั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1921 ยังนำประชาชาติจีนต่อสู้กับอำนาจเผด็จการจนสามารถโค่นล้มรัฐบาลก๊กมินตั๋งได้อย่างเบ็ดเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1949

สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างที่เหมาเจ๋อตงระบุอย่างเฉียบขาดว่า

“ประเทศจีนได้ตื่นขึ้นแล้ว”

หนังสือในแบบ “ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” ของ สี จิ้น ผิง เช่นนี้แต่อดีตเคยมี แต่ก็มีอย่างลับๆล่อๆ

ดำเนินไปในแบบ “ใต้ดิน”

แต่หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนได้รับการสถาปนาให้เป็นปกติ

ก็เริ่ม”เปิดกว้าง”

จากปี 2518 ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เดินทางไปจับมือ เหมาเจ๋อ ตง ที่ทำเนียบจงหนานไห่

“สถานการณ์” ก็พลิกกลับไปกลับมา

หลังรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2519 ก็เป็นอย่างหนึ่ง หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ก็เป็นอย่างหนึ่ง

ระยะ”ห่าง”กับ”จีน”เริ่มหดแคบลง

ทำให้รายงานการเมือง คำปราศรัยและสุนทรพจน์ของ สี จิ้น ผิง ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะ

แม้จะเป็นเรื่อง”ภายใน”ของ”พรรค”

เป็นพรรค”คอมมิวนิสต์” มิใช่พรรค”ประชาธิปัตย์” มิใช่พรรค “ภูมิใจไทย”

ที่สำคัญ คือ สี จิ้นผิง เป็น”คอมมิวนิสต์”