ไขข้อสงสัย ประกันชั้น 2 กับ 2+ ต่างกันอย่างไร?

ประกันรถยนต์มีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, 2, 2+,3 และ 3+ โดยวันนี้จะมาพูดถึงประกันชั้น 2 และ 2+ ประกันรถยนต์ 2 ตัวฮิตที่หลายคนมักสับสนว่า แตกต่างกันตรงไหน? ควรเลือกทำแบบไหนดี? บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกัน

ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง?

ประกันชั้น 2 เป็นประกันรถยนต์ภาคสมัครใจที่ให้ความคุ้มครองตัวรถกรณีรถยนต์สูญหายและไฟไหม้เท่านั้น ส่วนอุบัติเหตุอื่น ๆ เช่น รถชนกับรถ รถชนต้นไม้ หรือรถชนฟุตบาท ประกันจะไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถให้เรา แต่จะคุ้มครองความเสียหายต่อรถของคู่กรณีแทน รวมทั้งให้ความคุ้มครองบุคคลภายนอก บุคคลภายในตัวรถ ค่ารักษาพยาบาลและทรัพย์สินของคู่กรณี

ประกันชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง?

ประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 2 แทบทุกอย่าง ทั้งคุ้มครองตัวรถกรณีสูญหายและไฟไหม้ ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ค่ารักษาพยาบาล แต่จะมีความคุ้มครองการชนแบบมีคู่กรณีเพิ่มเติมเข้ามา พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถชนรถและมีคู่กรณี ประกันชั้น 2+ จะชดเชยค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมให้รถของเราด้วย ได้ทั้งซ่อมเค้าและซ่อมเรานั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ประกันชั้น 2+ จะไม่คุ้มครองถ้าเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีกรณี เช่น ขับรถชนต้นไม้ ขับรถชนฟุตบาท ขับรถชนเสาไฟฟ้า ถอยรถชนรั้ว เป็นต้น

ประกันชั้น 2 กับ 2+ ต่างกันอย่างไร? 

ความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ดังนี้

  • ความคุ้มครอง ประกันชั้น 2+ มีเรื่องการชนแบบมีคู่กรณีเพิ่มเข้ามา โดยคุ้มครองทั้งตัวรถของเราและคู่กรณี ในขณะที่ประกันชั้น 2 จะคุ้มครองแค่รถของคู่กรณีเท่านั้น ไม่ว่าจะรถของเราจะเจ็บหนัก หรือเจ็บเบาก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมเอง
  • ราคา ด้วยความคุ้มครองที่น้อยกว่า ทำให้ประกันรถชั้น 2 มีราคาถูกกว่าเล็กน้อย

ประกันชั้น 2 กับ 2+ เหมาะกับใคร?

  • ประกันรถยนต์ชั้น 2 เหมาะกับคนที่นาน ๆ เอารถออกมาใช้ที หรือใช้ขับขี่ในพื้นที่ที่คุ้นชินเป็นส่วนใหญ่ มีประสบการณ์ในการขับขี่สูง โอกาสเกิดอุบัติเหตุขับรถชนรถคนอื่นต่ำ แบบนี้เลือกประกันรถยนต์ชั้น 2 ก็เพียงพอ ช่วยประหยัดค่าเบี้ยลงไปอีกด้วย
  • ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะกับมือใหม่หัดขับ เพราะโอกาสเกิดอุบัติเหตุมีมากกว่า หรือคนที่ต้องใช้รถทุกวัน แน่นอนว่า ความเสี่ยงที่จะเจออุบัติเหตุบนท้องถนนก็สูงตามไปด้วย ดังนั้นเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2+ เพื่อความอุ่นใจ ดีที่สุด

อ่านมาถึงตรงนี้ คงมองเห็นความแตกต่างระหว่างประกันชั้น 2 และชั้น 2+ มากขึ้น ซึ่งต้องบอกว่า ราคาไม่ได้ต่างกันมาก แค่เพิ่มเงินอีกนิดก็ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้นแล้ว แต่ถ้าใครยังลังเลอยู่ ลองมาเปรียบเทียบแผนความคุ้มครองและราคาประกันจากบริษัทต่าง ๆ ที่เว็บไซต์ heygoody ก่อนได้ เพื่อให้เจอประกันรถยนต์ที่ใช่ในราคาคุ้มค่าที่สุด