เผยแพร่ |
---|
เก็บไวน์อย่างไรให้คงคุณภาพ พร้อมวิธีเลือกซื้อตู้เก็บไวน์ที่ตอบโจทย์กับการใช้งาน
ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกระบวนการผลิตและการเก็บรักษาที่จำเป็นต้องใส่ใจอย่างละเอียด มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องควบคุม เพื่อคงคุณภาพรสชาติให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด จึงเกิดเป็นคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการเก็บไวน์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลคุณภาพของไวน์ หรือควรเก็บไวน์แบบในห้องควบคุมคุณภูมิหรือไม่ สำหรับใครที่เป็นมือใหม่เริ่มเก็บสะสมไวน์ วันนี้เราได้นำปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพของไวน์ รวมถึงการเลือกซื้อตู้เก็บไวน์ หรือ Wine Cellar มาฝากทุกคนแล้ว!
ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพของไวน์ เพื่อคงคุณภาพของไวน์ในระยะยาว
- ปัจจัยด้านอุณหภูมิ
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บไวน์คือ 12-14 °C เนื่องจากเป็นช่วงอุณหภูมิที่ชะลอปฏิกิริยาเคมีและชีวเคมีในไวน์ ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป เช่น 20°C ขึ้นไป จะเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันและทำให้ไวน์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่วนอุณหภูมิต่ำเกินไป เช่น ต่ำกว่า 10°C ไวน์จะคงสภาพแต่จะไม่พัฒนารสชาติตามกาลเวลา ทำให้มูลค่สของไวน์ตกลง เพราะอย่างที่เราทราบว่าไวน์ยิ่งบ่มไว้นานเท่าไหร่ รสชาติจะหอมหวานมากขึ้นเท่านั้น
- ปัจจัยด้านความชื้น
ควรเก็บไวน์ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นประมาณ 60-70% เพราะจะช่วยป้องกันจุกไม้คอร์กที่ปิดขวดไวน์ไว้เสียหาย และทำให้อากาศเข้าไปทำปฏิกิริยากับไวน์ เพราะถ้าความชื้นต่ำเกินไป จุกไม้คอร์กจะแห้งและแตกร้าว และถ้าความชื้นสูงเกินไป อาจทำให้เกิดเชื้อรา ปลวก และสนิม ซึ่งเป็นอันตรายต่อคุณภาพไวน์นั่นเอง
- ปัจจัยด้านแสงสว่าง
แสงสว่างเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ไวน์เสื่อมคุณภาพได้ โดยเฉพาะแสงรังสียูวี สามารถทำปฏิกิริยากับสารประกอบฟีนอลิก (Phenolic) ในไวน์ ทำให้รสชาติของไวน์ผิดเพี้ยนไป ดังนั้นควรเก็บไวน์ในที่มืด และบรรจุในขวดสีเข้มเพื่อป้องกันแสงภายนอกให้ได้มากที่สุด
- ปัจจัยการสั่นสะเทือน
การสั่นสะเทือนมากเกินไปจะกระตุ้นการเกิดตะกอนในไวน์ ทำให้ไวน์มีความขุ่นและคุณภาพลดลง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขนย้ายบ่อยๆ และควรจัดวางขวดอย่างระมัดระวัง โดยควรเก็บไว้ในชั้นวางและตู้เก็บไวน์ที่มิดชิด
- รูปแบบการวางขวด
ควรวางขวดไวน์ในแนวนอน เพื่อให้จุกไม้คอร์กแช่อยู่ในไวน์ตลอดเวลา ป้องกันไม่ให้จุกไม่คอร์กแห้ง เสียหายและเกิดการรั่วไหล แต่สำหรับไวน์ที่มีฝาปิดแบบสกรู ไม่จำเป็นต้องวางขวดในแนวนอน เนื่องจากไม่มีจุกไม้คอร์กนั่นเอง
อยากซื้อตู้เก็บไวน์ Wine cellar ต้องดูเรื่องอะไรบ้าง
- ขนาดและความจุ: เนื่องจากตู้เก็บไวน์มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ความจุเพียง 12-24 ขวด ไปจนถึงตู้ขนาดใหญ่สำหรับเก็บหลายร้อยขวด เราจำเป็นต้องเช็กจำนวนไวน์ที่เรามีอยู่ เผื่อพื้นที่สำหรับไวน์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงยังต้องคำนึงถึงขนาดของพื้นที่สำหรับวางตู้เก็บไวน์ด้วย
- การควบคุมอุณหภูมิและความชื้น: อย่างที่บอกไปแล้วว่าอุณหภูมิการเก็บไวน์เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของไวน์ ตู้เก็บไวน์ที่ดีควรสามารถรักษาอุณหภูมิคงที่ที่ 12-14°C และความชื้นระดับ 60-70% ดังนั้นการเลือกตู้เก็บไวน์จึงควรคำนึงถึงระบบควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม เช่น ระบบคอมเพรสเซอร์ เทอร์โมอิเล็กทริก หรือระบบไฮบริด เป็นต้น
- ระบบหมุนเวียนอากาศ: เพราะระบบหมุนเวียนอากาศมีความสำคัญต่อการกระจายอุณหภูมิให้สม่ำเสมอทั่วทั้งตู้ ตู้เก็บไวน์ที่ดีจึงควรมีการออกแบบให้มีการไหลเวียนของอากาศที่ดี โดยสามารถดูได้ว่ามีพัดลมหมุนเวียนอากาศในตู้เพื่อช่วยในการกระจายอุณหภูมิหรือไม่นั่นเอง
- ประสิทธิภาพในการใช้งาน: ตู้เก็บไวน์คุณภาพดีจะมีประสิทธิภาพการทำงานสูง สิ้นเปลืองพลังงานน้อย และมีเสียงรบกวนต่ำ ดังนั้นควรพิจารณาจากประสิทธิภาพการทำความเย็น ระดับความดังของเสียง และการประหยัดพลังงานร่วมด้วยจะดีที่สุด
- รูปแบบและดีไซน์ : ตู้เก็บไวน์มีให้เลือกทั้งแบบตั้งโชว์ และแบบรวมเข้ากับตู้เก็บอื่นๆ โดยสามารถพิจารณาจากขนาด สี และวัสดุ เพื่อให้เข้ากับขนาดของพื้นที่ตั้ง และบรรยากาศภายในห้อง เป็นต้น
เลือกเก็บไวน์กับบริการห้องเก็บไวน์ i-Store Wine Storage
การเก็บไวน์ที่เหมาะสมและถูกต้อง จะช่วยรักษาคุณภาพ รักษารสชาติ กลิ่น สี ของไวน์ ดังนั้นทุกขั้นตอนของการเก็บไวน์จึงเปรียบเสมือนการเก็บรักษาคุณค่าของไวน์ สำหรับใครที่ไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากในการดูแลและเก็บรักษาไวน์ การเลือกใช้บริการห้องเก็บไวน์ที่มีวิธีการดูแล เก็บรักษาไวน์อย่างถูกต้อง จึงเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดี ที่ i-Store Wine Storage เราพร้อมให้บริการห้องเก็บไวน์ ที่มีการออกแบบห้องเก็บไวน์ตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไวน์ของคุณจะถูกเก็บรักษาไว้ใน Wine Cellar ระดับพรีเมียม มีการควบคุมอุณหภูมิความชื้นที่เหมาะสม เพื่อคงรสชาติและคุณภาพของไวน์ไว้อย่างดีที่สุด แถมยังสามารถเข้าออกห้องเก็บไวน์ส่วนตัวได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย!