COVID -19 “เราต้องรอด” ส่อง 5 วิธีรักษาพลังบวก ในสถานการณ์เลวร้าย อยู่อย่างไรให้ชีวิตไปต่อ

โดย CEO นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง Mindset เพื่อความสำเร็จ

สถานการณ์ที่ยืดเยื้อกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID –19 ส่งผลให้หลายธุรกิจ เกิดการหยุดชะงัก  บางองค์กรจำต้องปรับโครงสร้าง หรือจำต้องปิดกิจการลง เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้

จากปัญหาที่เกิดขึ้น  หลายคนเริ่มมีการตั้งคำถามว่า “เราจะผ่านมันไปได้อย่างไร”  ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างนี้  นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง Mindset เพื่อความสำเร็จ ระบุว่า สิ่งสำคัญที่เราต้องปฏิบัติอย่างมีวินัย และต่อเนื่องในตอนนี้ คือ การปรับMindset เพื่อสร้างพลังบวกให้กับตัวเอง เพราะสิ่งนี้จะนำพาชีวิตของเราก้าวไปสู่ความสำเร็จท่ามกลางวิกฤตที่ถาโถมด้วย วิธีรักษาพลังบวก 

1. การปกป้องร่างกาย ชีวิต ความคิด จิตใจ ให้แข็งแรง

ดูแลตัวเองให้ดี ออกกำลังกาย เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจ และระบบอื่นๆทำงาน ส่งผลให้ความเครียดลดลง เป็นการเสริมสร้างความคิด และเพิ่มความหวังที่จะเดินไปข้างหน้า หลีกเลี่ยงการเสพข่าวลบ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ จะเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า  ร่างกายมีความตื่นตัว  

แม้ว่าตอนนี้รายได้ของเราจะหายไป เราก็ต้องคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เราคนเดียว  แต่มันเกิดขึ้นกับคนทั่วโลก ต้องคิดแบบมีความหวัง ด้วยการฟังแนวคิดดีๆ เข้าไปดูไปหาข้อมูลในสื่อโซเชียลมีเดีย  อ่านหนังสือสร้างกำลังใจ ทำอย่างนี้ทุกวัน จะสามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้ และพร้อมเดินหน้าต่อไป

2. การปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างคล่องแคล่ว

การปรับตัวตามสถานการณ์ให้ทันถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในขณะนี้ เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เช่น เมื่อก่อนไม่เคยสนใจการใช้โซเชียลมีเดียเลย  ไม่เคยคิดจะอ่านหนังสือเลย  ตอนนี้เราจำต้องปรับความคิดให้มีความยืดหยุ่น  อย่ายึดติดเปลี่ยนจากคนมี Fixed Mindset (การยึดติดอยู่ในกรอบความคิดเดิมๆ)  เป็น Growth Mindset(ความเชื่อที่ว่าความสามารถนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอด)  

3. การบริหารเงินอย่างถูกต้อง

บริหารเงินเท่าที่จำเป็น และประหยัด ไม่บุกในเรื่องของการลงทุนเพิ่ม ส่วนการลงทุนที่ยังค้างคาอยู่ต้องรีบตัดให้จบโดยเร็ว จะซื้อกินซื้อใช้ต้องทำแบบพอเพียงเท่านั้น เพื่อให้เรายืนสถานการณ์ให้ได้นานที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะจบลงเมื่อไหร่ เราต้องดูแลเงินของเราให้สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตของเราให้ได้

4. มีแผนงานรองรับในการเดินไปข้างหน้า

การแพร่ระบาดของโรค COVID –19 ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เราไม่รู้ว่า เดือนต่อจากนี้  หรือ เดือนต่อจากนี้ ชีวิตจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร จะทำงานตรงไหน  จะแก้ปัญหางานอย่างไร  จะส่งมอบผลงานอะไรให้กับเจ้านาย จะบริหารแผนกของเราอย่างไร เพราะเราไม่ได้ทำงานจากที่เดียวกันแล้ว เนื่องจากต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานจากที่บ้าน ทั้งหมดนี้ต้องมีแผนการรองรับว่าเราจะสื่อสารกับคนของเราอย่างไร สื่อสารกับลูกน้องและหัวหน้าอย่างไร ยิ่งใครที่เป็นระดับผู้จัดการยิ่งต้องคิดแผนการเผื่อ เพื่อช่วยกันคิดช่วยกันทำสามารถรับผิดชอบองค์กร ชีวิต  และคนในครอบครัวได้

5. การเป็นส่วนหนึ่งของทีม ขององค์กร ของสังคม และของประเทศชาติ

ทีมที่กล่าวมานี้ จะมีตั้งแต่ทีมที่ทำงานด้วยกัน ทีมที่อยู่ครอบครัวเดียวกัน เราต้องเป็นส่วนหนึ่งห้ามแยกจากกัน สิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องรู้สึกดี ช่วยส่งเสริม ผลักดัน อยากช่วย อยากแบ่งปัน เพราะทุกคน คือ            ทีมเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้ว สูงไปกว่านั้น เรายังต้องเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร  เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเป็นส่วนหนึ่งของประเทศชาติ  พอสังคมและประเทศชาติขอให้เราอยู่บ้าน  ให้เราดูแลตัวเองให้ดีอย่าไปติดเชื้อ เพราะมันจะกระจายไปสู่คนหลายสิบคน หลายร้อยคน  สิ่งเหล่านี้เราต้องเคารพกติกา

ในขณะเดียวกันเราก็ต้องใช้ความสามารถทุกทาง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีม ด้วยการปฏิบัติงานอย่างมีวินัย และมี Mindset ที่ดี  แม้ว่าจะต้อง Work from Home (WFH) เราก็ต้องส่งพลังให้ทีม เมื่อเราส่งพลังให้ทีม ทีมก็จะส่งพลังให้เรา  เมื่อทีมมีพลัง  ทีมก็จะส่งพลังไปยังองค์กร และส่งกลับมาหาเรา ถ้าทุกคนมีพลังหมุนเวียนที่ดีก็จะนำไปสู่การเดินต่อและฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน

แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน!

สำหรับท่านที่ต้องการกลยุทธ์ปรับตัวให้อยู่รอดในยุคโควิดเพิ่มเติม

จากซีอีโอ นพกฤษฏิ์ สามารถติดตามได้ทาง facebook และPODCAST : CEO NOPPAKRIT