‘เพื่อน-บ้าน-ความเสื่อมถอย’

สัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสหยิบอมตนิยายกำลังภายในอย่าง “ฤทธิ์มีดสั้น” กลับมาอ่านอีกหน แต่เป็นฉบับที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “มีดบินไม่พลาดเป้า” แปลโดย “น.นพรัตน์” จัดพิมพ์โดย “สยามอินเตอร์บุ๊คส์”

(ดังนั้น ชื่อตัวละครจึงอาจสะกดหรือถอดเสียงเป็นภาษาไทยแตกต่างจากฉบับ “ว. ณ เมืองลุง” ที่หลายท่านคุ้นเคย)

เมื่ออ่านแล้ว ก็พบว่าหลายประเด็นที่ “โก้วเล้ง” เขียนถึงนั้นมีความเป็นสากลข้ามเวลา พื้นที่ และวัฒนธรรม อย่างน่าทึ่ง

ทั้งยังสามารถหยิบยืมมาใช้สนทนากับบางประเด็นปัญหาในสังคมการเมืองไทยร่วมสมัยได้ด้วย

ดังตัวอย่างเนื้อหาต่อไปนี้

 

(เพื่อน)

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวอีกว่า “ท่านลองนึกดู กระบี่เหล็กซงเอี้ยงมีชื่อเสียงเกียรติภูมิมายี่สิบปี วิจารณ์ตามเพลงกระบี่ สามารถนับเป็นยอดฝีมือแห่งยุค ในการต่อสู้รอบหนึ่ง ไฉนเปิดเผยช่องโหว่ยี่สิบหกแห่ง ถูกฝ่ายตรงข้ามทิ่มแทงทำร้ายยี่สิบหกกระบี่?”

เล่งเหล็งกล่าวว่า “นี่…นี่กลับน่าประหลาดอยู่บ้าง”

“ยังมี เพลงกระบี่ของเก็งบ้อเมี่ยเมื่อดุร้ายอำมหิตปานนั้น บาดแผลของก๊วยซงเอี้ยงทั้งยี่สิบหกแห่งล้วนไม่สาหัส หลังจากที่เขาเปิดเผยช่องโหว่ติดต่อกันยี่สิบหกแห่ง เก็งบ้อเมี่ยไฉนไม่ทิ่มแทงสังหารเขาในกระบี่เดียว?”

เล่งเหล็งตะกุกตะกักว่า “ใช่แล้ว…นี่เป็นเพราะเหตุใด?”

ลี้ชิ้มฮัวทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง กล่าวอย่างสะทกสะท้านว่า “ทั้งนี้เพราะช่องโหว่ทั้งยี่สิบหกแห่งนี้ เป็นก๊วยซงเอี้ยงจงใจเปิดเผยออกมา”

“จงใจแสดงออกมา?…หรือว่าเขาจงใจให้เก็งบ้อเมี่ยทิ่มแทงทำร้าย?”

“มิผิด เนื่องด้วยเขาจงใจเปิดเผยช่องโหว่ ทุกครั้งจึงสามารถถลันหลบทันท่วงที ทุกครั้งคราจึงรับบาดเจ็บไม่สาหัส”

เล่งเหล็งไม่เข้าใจกว่าเดิมถามว่า “เขาทำเช่นนี้เพราะสาเหตุใด?”

ลี้ชิ้มฮัวทอดถอนใจยาวด้วยความสะทกสะท้อนรันทด กล่าวว่า “เขาทำเช่นนี้ เพียงเพื่อบ่งบอกตำแหน่งที่เก็งบ้อเมี่ยลงมือต่อข้าพเจ้า”

เล่งเหล็งถึงกับไม่อาจกล่าววาจาใดได้ ชั่วครู่ให้หลัง นางค่อยหลั่งน้ำตาอีกครา ก้มศีรษะกล่าวว่า “ข้าพเจ้าความจริงเข้าใจว่า ในโลกไม่มีคนดีแม้สักคนเดียว ผู้คนคบหาเป็นสหาย เพียงเพื่อหลอกใช้กันและกัน ดังนั้นหากคนผู้หนึ่งคิดมีชีวิตด้วยดี ต้องเรียนรู้การหลอกใช้ผู้อื่น หลอกลวงผู้อื่น อย่าได้ยึดถือคุณธรรมอันใด ไม่เช่นนั้นฝ่ายที่เสียเปรียบต้องเป็นตัวเอง”

“คำพูดเหล่านี้ ย่อมเป็นลิ้มเซียนยี้ถ่ายทอดต่อท่าน”

เล่งเหล็งผงกศีรษะด้วยความสะทกสะท้าน กล่าวว่า “แต่ตอนนี้ ข้าพเจ้าทราบแล้วว่า โลกนี้จะอย่างไรยังมีคนดี ในยุทธจักรยังมีสหายที่ชืดชาความเป็นตาย ยึดถือคุณธรรมน้ำมิตร”

ลี้ชิ้มฮัวพลันคุกเข่าลงที่หน้าซากศพของก๊วยซงเอี้ยง หลั่งน้ำตากล่าวว่า “ก๊วยซิงแซ (ท่านผู้แซ่ก๊วย) มาตรแม้นท่านโชคร้ายเสียชีวิต แต่ท่านมิเพียงช่วยเหลือสหายของท่าน ยังทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจหลักเหตุผลของความเป็นคน ท่าน… ท่านในปรภพสมควรนอนตาหลับแล้ว…”

“มีดบินไม่พลาดเป้า” แปลโดย “น.นพรัตน์” จัดพิมพ์โดย “สยามอินเตอร์บุ๊คส์”

(บ้าน)

ลื่อหงโซยคล้ายกลับกลายเป็นชาด้าน กล่าวอย่างเลื่อนลอยว่า “ไม่รั้งอยู่ที่นี้ ไปยังที่ใด?”

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวว่า “กลับไป กลับบ้านไป”

“บ้าน?…”

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวว่า “ตอนนี้ท่านคล้ายป่วยหนักครั้งหนึ่ง โรคนี้มีเพียงตัวยาสองขนานที่รักษาได้”

“ตัวยาสองขนานใด?”

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวว่า “ขนานหนึ่งคือบ้าน ขนานที่สองคือเวลา ขอเพียงท่านกลับบ้าน…”

ลื่อหงโซยพลันร้องดังๆ ว่า “ข้าพเจ้าไม่กลับบ้าน”

“เพราะเหตุใด?”

ลื่อหงโซยกล่าวกระท่อนกระแท่นว่า “ทั้งนี้เพราะ…ทั้งนี้เพราะนั่นมิใช่บ้านของข้าพเจ้าแล้ว”

“บ้านก็คือบ้าน ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง นี่คือคุณค่าของบ้าน”

ร่างของลื่อหงโซยสั่นระริกอีกครา กล่าวว่า “ต่อให้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ข้าพเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ข้าพเจ้ามิใช่ข้าพเจ้าอีก”

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวว่า “หากท่านยินยอมอยู่ในบ้านอย่างสงบสักระยะเวลาหนึ่ง จะค่อยๆ กลับคืนสู่ตัวท่านคนเดิม”

 

(ความเสื่อมถอย)

ลี้ชิ้มฮัวเงียบงันนิ่งนาน พลันถามว่า “หลายปีมานี้ ท่านติดตามเอี่ยเอี้ย (ปู่) ท่านตลอดเวลา?”

“อืมม์”

ลี้ชิ้มฮัวถามสืบต่อ “ท่านเคยเห็นท่านผู้เฒ่าใช้วิชาฝีมือหรือไม่?”

ซุนเซี่ยวอั้งขบคิดแล้วกล่าว “คล้ายกับไม่เคย”

นางกล่าวสืบต่อโดยเร็วว่า “แต่นั่นเพียงเพราะท่านผู้เฒ่าไม่มีโอกาสใช้วิชาฝีมือ และไม่มีความจำเป็นต้องใช้”

ลี้ชิ้มฮัวทวนคำว่า “ไม่มีความจำเป็น?”

“ทั้งนี้เพราะท่านผู้เฒ่าไม่มีคู่มือแล้ว”

ลี้ชิ้มฮัวถามว่า “เซียงกัวกิมฮ้งเล่า?”

“มันก็…”

นางพลันกล้ำกลืนคำพูดไว้ คล้ายนึกได้อันใดขึ้นมา

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวว่า “ด้วยพฤติการณ์ของเซียงกัวกิมฮ้ง เอี่ยเอี้ยท่านใช่มีความรู้สึกว่าไม่อาจทนทานได้หรือไม่?”

“ท่าน…ท่านผู้เฒ่าบังเกิดความโกรธแค้นต่อเซียงกัวกิมฮ้งจริง”

“แต่ท่านผู้เฒ่าไม่ได้ลงมือต่อเซียงกัวกิมฮ้ง”

ซุนเซี่ยวอั้งก้มศีรษะกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าไม่…”

“ท่านผู้เฒ่าไฉนกล้ำกลืนฝืนทน? ไฉนรอให้ท่านร้องขอต่อท่านผู้เฒ่าจึงยอมลงมือ?”

ซุนเซี่ยวอั้งพลันเงยหน้าขึ้นอีกครา แววหวาดหวั่นพรั่นพรึงในดวงตายิ่งรุนแรงกว่าเดิม กล่าวว่า “ท่าน…หรือท่านเห็นว่าท่านผู้เฒ่า…”

นางพลันรู้สึกคอแห้งผาก ไม่สามารถกล่าววาจาได้

ลี้ชิ้มฮัวกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “หากพลังฝีมือคนผู้หนึ่ง พอก้าวถึงจุดสุดยอด ในใจจะบังเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงชนิดหนึ่ง กลัวว่าผู้อื่นไล่ตามทัน กลัวว่าตัวเองจะถดถอย เมื่อถึงเวลานั้นมันจะหาทางหลบหนี ไม่ว่าเรื่องราวใดล้วนไม่กล้ากระทำ”

ทอดถอนหายใจด้วยความสะทกสะท้าน ค่อยกล่าวสืบต่อ

“ยิ่งไม่กระทำยิ่งกลับกลายเป็นทำไม่ได้จริงๆ มีบ้างบางคนพลันซ่อนตัวเร้นกาย บางคนถึงกับย่ำยีทำลายตัวเอง ถึงกับตายให้สิ้นเรื่องราว…นับแต่โบราณกาลมาตัวอย่างเช่นนี้มีอยู่มากหลาย นอกจากบุคคลนั้นสามารถปล่อยวางทุกสิ่ง พาตัวหลุดพ้น ไม่อาทรร้อนใจต่อวัตถุเรื่องราวทั้งมวล” •

 

ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน