อาณาจักรใจ : ทวีปที่สาบสูญ …เพื่อมอบชีวิตเล็กๆ ของฉัน

หล่อนหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่บนที่นอน ใบหน้าตะแคงน้อยๆ ปล่อยผมยุ่งเหยิง แต่ยังดูเป็นเส้นไหมนุ่มสลวย ปากอิ่มตึงปิดสนิท แม้ฉันจะเผลอเปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง หล่อนก็ยังไม่รู้สึกตัว

ดูเหมือนหล่อนจะเหนื่อย…ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังดูกระฉับกระเฉงแจ่มใส โธ่เอ๋ย ยังกับเป็นไฟฉายหมดถ่าน ยืนมองอยู่นาน ก็เห็นแต่อกสะท้อนขึ้นลง

ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผลัดผ้าออกมา เป็นหล่อนอีกนั่นเองที่เตรียมเสื้อเนื้อนิ่มไว้ให้ กลิ่นยังใหม่สาบเข้าจมูก เป็นเสื้อยืดหลวมโคร่ง เพียงตัวเดียวแทบจะคลุมถึงเข่า นุ่งกางเกงบางๆ อีกชิ้น ตัวเบาแทบลอยได้

รู้สึกสบายตัวอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ได้สระผมล้างคราบเหงื่อไคล ตอนอยู่ลำพัง ได้เปิดน้ำไหลพรั่งๆ จากฝักบัว สลัดผมจนฟองแชมพูกระเซ็น ยกมือลูบหน้า วูบหนึ่ง ฉันนึกถึงใครต่อใคร

เพื่อบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่คิดถึงใครอีก

จากนี้ไป ฉันจะมอบชีวิตให้หล่อนเท่านั้น

 

– จริงหรืออีพี่ มึงจะมีแต่เขาเท่านั้นจริงหรือ

– จริงสิ ตราบใดที่เขาดีกับฉัน

– อะไรคือความดีที่มึงต้องการจากเขา

…อะไรก็ได้ แค่เขาไม่ลืมคำมั่นสัญญา เขาพูดแล้วว่า…จากนี้ไป…ไปเป็นพี่น้องกัน

เตียงนอนยุบยวบเมื่อหย่อนก้นลงไป ดูเหมือนจะเป็นปกติไปแล้วที่ฉันจะต้องฟังเสียงในหัวตัวเอง และไม่ใช่แค่นั้น ยังมีอีกมากความเห็น เหมือนในตัวเองแบ่งเป็นสองเสี้ยวสามเสี้ยว

ถ้าเพียงแต่จะมีกระดาษสักหน้า…ใจฉันหวนหาสิ่งที่ประทับอยู่กับความใฝ่ฝัน

ถ้าฉันมีสมุดกับปากกา ฉันจะบรรยายหรือบันทึกมันไว้

[ฉันล้มตัวลงนอนบ้าง ค่อยๆ วางหัวลงบนหมอนใบเดียวกับหล่อน เงียบและเบา ให้แน่ใจว่าหล่อนจะไม่ตื่นขึ้นมาในเวลา…เวลาอะไรดี…อ้อ เวลาที่ฉันขึ้นไปนอนข้างๆ

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะยังรู้สึกอย่างไรก็บอกไม่ถูก อาจเพราะได้อาบน้ำมาแล้ว บางสิ่งที่เคยแล่นพล่านอยู่ข้างในคล้ายจะเหือดแห้ง…เย็นลง

แต่จริงๆ…ฉันอาจยังคงรู้สึกอยู่…ไหม – แปลกหรือ ที่ดูมีแต่ความไม่แน่ใจ – ก็ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้จะถ่ายทอดมันออกมาอย่างไรได้

มีแต่กลิ่นดอกพุดหอมที่รวยระริน

เป็นกลิ่นที่ทำให้ฉันสบายใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนให้ดอกไม้…ดอกไม้จริงๆ ที่แสนหอมแสนหวาน

ทำไมหล่อนถึงน่ารักอย่างนี้]

ให้ตายเถอะ ถ้านี่เป็นเรื่องแต่งของฉัน มันก็เต็มไปด้วยความจริงมากเกินไป แต่ถ้าจะให้ฉันบรรยายจากทุกสิ่งที่อัดแน่นในใจ

…จะไหวไหม ถ้าใจฉันอยากจะเขียนอีกแบบหนึ่ง

 

[หล่อนกอดฉันไว้ตลอดคืนด้วยนะ เชื่อไหม ในคืนที่ฉันเคยร้องไห้อยู่กับอกอุ่นๆ…หล่อนยังลูบผมฉัน เช็ดน้ำตาจากแก้มฉัน มือที่นุ่มนวลคู่นั้นมอบสัมผัสที่นุ่มนวลเหลือเกิน

เคยมีใครกอดฉันไว้บ้าง…ก็มี แต่ถึงตอนนี้ ทุกอย่างเป็นแค่ขี้ฝุ่นปลิวไป จะหวังอะไรกับสายลมพัดผ่าน ทุกๆ คนที่พลัดปลิวหาย ฉันควรจดจำแค่การจะมีชีวิตใหม่

แค่หล่อน

โอ…หล่อนผู้ร่วงลงมาสู่ชีวิตฉัน

หล่อนผู้นำแสงตะวันมาให้

ยามที่ฉันหมดสิ้นทางไป

หล่อนที่มีดวงตาแจ่มใสสุกสกาว

ฉันเคยเป็นเพียงกรวดทราย

หมองมัวอยู่ใต้ฝ่าเท้าก้าว

หล่อนนั่นเองที่เอื้อมคว้าแสงดาว

แบ่งให้ชิมความหวานราวขนมสวรรค์

โอ…คืนวันที่เปลี่ยนแปลง

ฉันจะกลับมามีแรงเหมือนเคยหมายมั่น

เราจะได้ร่วมเส้นทางไกล…ไปด้วยกัน

หล่อนกับฉัน…ฉันกับหล่อน

การโคจรของชีวิต!

มันต้องยอดเยี่ยมแน่ๆ ถ้าฉันส่งบทกลอนนี้ไปที่หนังสือสักเล่มหนึ่ง อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ หากเรื่องที่ฉันเขียนได้ลงหนังสือ ฉันจะถือไปยืนต่อหน้าหล่อน บอกหล่อนว่านี่ไง สิ่งที่หล่อนได้มอบแก่ฉัน

และฉันจะขอมอบรางวัลให้กับหล่อน

ก็…บทกลอนของฉันอาจจะได้รางวัลก็ได้นี่ เพราะอะไรล่ะ! เพราะฉันเขียนมันจากใจ ฉันจะไม่เอาเรื่องแต่งมาเขียนอีกต่อไป เหมือนที่ฉันกำลังพยายามจดบันทึกเอาไว้

…ในที่ว่างมากมายบนอากาศ

การขีดเขียนบนกระดาษล่องหนของฉัน…]

 

ดูเหมือนจะมีแต่ความคิดที่สะเปะสะปะ และหัวสมองของฉันอึงอลไปด้วยถ้อยคำหมื่นพันที่อัดแน่นเข้ามา ราวว่าสายน้ำหลากไหลไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งภาพทุกภาพแล่นลิ่วทับซ้อน ค่อยๆ ท่วมทับเปลือกตา

ฉันคิดว่าตัวเองรู้สึกได้…แต่เพียงแผ่วเบา คราวที่หล่อนตะแคงตัวพลิกกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลเปิดขึ้นช้าๆ และจ้องมองนิ่งนานที่ใบหน้าฉัน

ฉันรู้สึกตัว แต่ก็แสร้งเหมือนยิ่งหลับใหล ปล่อยลมหายใจเลียนแบบหล่อนเมื่อก่อนหน้า

หายใจเข้า หายใจออก ปล่อยแขนขาดั่งว่าไร้แรง

หล่อนยื่นมือเข้ามา ลังเลชั่วครู่ก็หดกลับไป ใจฉันเกือบกระตุก แต่สัมผัสจากลมหายใจผ่าวร้อนที่รดเข้ามาใกล้

หล่อนไม่ใช่คนหลับอีกต่อไป

แต่ฉันสิ ฉันควรต้องปิดตาให้สนิทไว้

หล่อนจะทำอะไรต่อหรือ

มือร้อนๆ วางลงบนเนินอกของฉัน แทบสะดุ้ง และพอไหล่ไหวหล่อนก็นิ่งทันควัน ฉันรีบผ่อนลมหายใจยาวๆ แสร้งปล่อยเสียงเหมือนละเมอ

“…อะไรนะ” หล่อนโน้มหน้าเข้ามาใกล้

ฉันส่ายหัวอีก และปล่อยคำไม่เป็นภาษาออกไป

หล่อนนิ่งไปชั่วอึดใจ จนอาจแน่ใจว่าฉันยังตกอยู่ในห้วงความฝัน

ปลายนิ้วนั้นเริ่มขยับ

…หล่อนเคลื่อนมืออย่างระมัดระวัง แต่ให้ตายเถอะ ฉันต้องหลับ

…ต้องทำเป็นหลับเท่านั้น

ถ้าฉันตื่น หล่อนอาจจะรีบหยุดและจากฉันไป

 

เหมือนมีไฟร้อนจัดแลบเลียอยู่ทั่วทั้งร่างกาย แต่บัดเดี๋ยวหนึ่งก็ให้หนาวสะท้านแทบสั่น ดูเหมือนเมื่อหล่อนแน่ใจว่าฉันกำลังหลับใหล ก็ไม่รีรอจะทำมันต่ออีก

…หล่อนใช้เพียงปลายนิ้วแผ่วเบา ลากไล้ไปทั่ว ผ่านบนเนื้อผ้า แตะปลายยอดอกเล็กๆ นอกจากนั้น ยังไต่ไปถึงต้นขา

ฉันแทบทำตัวไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไร…ถ้า…ถ้าฉันลืมตา และรีบกอดรัดหล่อนเอาไว้

…ไม่! ฉันไม่กล้า!

เพราะหล่อนก็อาจเหมือนกัน

หล่อนกล้าทำ เพราะรู้ว่าไม่อยู่ในการรับรู้ของฉัน

โอ…หล่อนผู้เคยดูสูงส่งและแสนดี

ถึงตอนนี้ ฉันก็ได้รู้ก้นบึ้งของจิตใจ

หล่อนไม่ต่างกับใครๆ เลย มีความหยาบปะปนมากมาย

แค่ฉันต่างหาก…แค่ฉัน ที่พร้อมจะตอบรับมัน

ด้วยความมืดดำข้างใน

ฉันดีใจ…ฉันควรดีใจ! ที่หล่อนก็ไม่ได้บริสุทธิ์สะอาดไปกว่าฉัน

 

มันคือความคิดชนิดไหนกัน ในค่ำคืนหนึ่ง ค่ำคืนนั้น ยามที่ฉันนอนอยู่ในที่พักแปลกหน้ากับคนแปลกหน้า ได้กลิ่นอวลของดอกไม้ที่หล่อนเด็ดมา กับเปียกฉ่ำหลั่งไหลใต้ต้นขา

ขีดเขียนตัวหนังสือไว้ในอากาศอีกว่า

[…หล่อนทาบทับตัวลงมาบนตัวฉัน ด้วยการระมัดระวังอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการสะท้านสั่นซึ่งฉันรับรู้ได้ มือหล่อนปะป่ายไปทั่วเนื้อตัว และสะดุ้งเองเมื่อลอดเข้ามาถึงใต้ขากางเกง

ฉันพยายามทำเสียงคล้ายคนละเมออีก พลางปิดตาแน่น ไม่เคลื่อนไหวมากไปกว่าเท่าที่หล่อนจะทำให้ ราวว่ากำลังตกอยู่ในห้วงฝัน ฉันจะไม่มีวันตื่น…แน่ละ ไม่มีวันตื่นขึ้นมา

หล่อนเริ่มสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปในซอกขาตัวเอง อีกมือยังแตะนิ่งในฉัน ด้วยท่วงท่าแบบนั้น ฉันใจเต้นรัวแทบก้องออกนอกอก มันคือความลับ…ความลับสินะ ที่หล่อนจะต้องไม่มีวันรู้ว่าฉันรู้

ฉันแทบกรีดร้องออกมา เมื่อถึงเวลาที่หล่อนไหวไหล่เร็วขึ้น เตียงลั่นเบาๆ ฉันอยากลืมตาใจแทบขาด อยากเห็นอาการของหล่อนสุดใจ

…แต่ถึงอยากแค่ไหนก็ต้องสะกดตัวเองไว้…]

 

ฉันยังคงหลับตา

ฉันต้องหลับตา

ปล่อยให้คนร่างสูงที่แสนสง่างามนักหนา ในดึกดื่นคืนหนึ่ง ให้หล่อนได้ปลดปล่อยตัวเองอยู่ในความมืดดำ…

ย่อมเป็นอีกคืนที่ฉันจะจำไว้ชั่วนิรันดร์

โดยเฉพาะเมื่อหล่อนทิ้งร่างลงแนบชิดตัวฉัน สั่นเร่าระรัว และสุดท้ายก็ลืมตัว เปล่งเสียงสะอึกอยู่ในลำคอติดๆ กัน ก่อนจะกระชากเสื้อของฉันขึ้น

ไม่แปลกนี่ถ้าฉันจะแอ่นตัวขึ้นบ้างในความฝัน เพื่อมอบชีวิตเล็กๆ ของฉันให้กับเกลียวลิ้นของหล่อน