ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 สิงหาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | เครื่องเสียง |
เผยแพร่ |
เมื่อเดือนที่ผ่านมามีข่าวที่น่าสนใจออกมาจาก Harman/Kardon ว่าในวาระครบรอบเจ็ดทศวรรษของแบรนด์ จะมีสินค้ารุ่นพิเศษออกมาให้ผู้ที่ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ของเขาได้เชยชมกัน โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในแถบยุโรปก่อนตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นไป จากนั้นค่อยทยอยลงตลาดในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก
สำหรับตลาดบ้านเราคาดว่าคงมาถึงภายในไตรมาสสุดท้ายของปี แบบไม่น่าจะหลุดไปปีหน้าอย่างแน่นอน
แต่ตามข่าวบอกว่าจะเปิดขายออนไลน์ก่อนนะครับ ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการลงหน้าร้านของสินค้าให้ทราบด้วยแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สินค้ารุ่นพิเศษที่ว่านี้ได้เปิดตัวให้ผู้คนได้ยลโฉมแบบเรียกน้ำย่อยกันไปแล้วนะครับ ในงานมหกรรมดนตรีแจ๊ซอันเลื่องชื่อและเก่าแก่มากของโลก (เพราะเริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1967) นั่นคือ Montreux Jazz Festival ที่จัดติดต่อกันร่วมครึ่งเดือนตั้งแต่ปลายมิถุนายน ยันกลางกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจัดขึ้นที่เมืองม็องเทรอ็อกซ์ สวิตเซอร์แลนด์
เพราะฮาร์แมน/การ์ดอนได้ไปจัดงานฉลองครบรอบ 70 ปี ในมหกรรมดนตรีแจ๊ซที่ว่านี้ด้วย
ฮาร์แมน/การ์ดอนนั้น แรกที่กำเนิดบริษัทและใช้เป็นชื่อแบรนด์ด้วย มีฐานมั่นอยู่ในแถบ Westbury ของมหานครนิวยอร์ก ก่อตั้งขึ้นโดยหุ้นส่วนทางธุรกิจสองราย คือ Sydney Harman และ Bernard Kardon โดยออกแบบและผลิตเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับระบบเสียงเป็นหลัก เริ่มจากเครื่องรับวิทยุ FM Tuner แล้วขยายไปยังด้านแอมปลิไฟเออร์กับรีซีฟเวอร์ในเวลาต่อมา
ขณะที่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้ผลิตลำโพงแบบ Desktop Speaker ระดับแถวหน้าๆ ของวงการ เพราะไม่ว่าจะออกรุ่นอะไรมา ก็มักจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยมิเพียงมีคุณภาพอันเป็นที่เชื่อถือได้เท่านั้น หากโครงสร้างหน้าตายังมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบบเรียบ หรู ดูเท่เป็นพิเศษ บางรุ่นถึงกับมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Museum of Modern Art) ในนิวยอร์ก เอาไปตั้งโชว์ด้วยนั่นเทียว อย่างพวกลำโพงในอนุกรม SoundStick ซึ่งเป็นชุดลำโพงตั้งโต๊ะแบบ 3 ชิ้น/ชุด ประกอบไปด้วยลำโพงสเตอริโอ แชนเนลซ้าย/ขวา กับสับ-วูฟเฟอร์ ที่ปัจจุบันได้พัฒนามาถึงเจเนอเรชั่นที่สี่แล้ว
จากอดีตที่เริ่มแรกเป็นบริษัทของอเมริกัน ปัจจุบันแบรนด์ได้เป็นแผนกหนึ่งของ Harman International Industries ที่มีผลิตภัณฑ์ทางด้านระบบเสียงชั้นนำทั้งในส่วนของ Consumer และ Professional รวมทั้งระบบเสียงในรถยนต์ รวมๆ แล้วมีอยู่ในมือกว่าสิบแบรนด์ด้วยกัน อาทิ Crown, dbx, JBL, JBL Professional, Infinity, Lexicon, Mark Levinson, Soundcarf และ Studer เป็นต้น
ในส่วนของระบบเสียงสำหรับรถยนต์นั้น ฮาร์แมน อินเตอร์’ เป็นพันธมิตรกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกทั้ง BMW, Land Rover, Daimler-Chrysler, General Motor, Hyundai/Kia, Lexus, Mercedes Benz, Mitsubishi, Porsche, Rolls-Royce และ Toyota เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ฮาร์แมน อินเตอร์’ มีสถานะเป็นบริษัทหนึ่งในเครือของ Samsung Electronics ครับ
สําหรับลำโพงรุ่นพิเศษที่ออกมาในวาระ 70 ปี มีอยู่ด้วยกันสามรุ่น โดยทั้งหมดเป็นลำโพงที่ทำงานผ่านระบบไร้สายแบบที่เรียกกันว่า Bluetooth Speaker นั่นแหละครับ
ซึ่งที่ดูออกจะโดดเด่นกว่าใคร คือ H/K Aura Studio 4 ลำโพงบลูทูธระดับพรีเมียมของแบรนด์ที่เป็นพัฒนาการต่อมาของเจน 3 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น ได้รับการยกย่องจากสื่อต่างๆ มากกว่ามาก สำหรับรุ่นล่าสุดนี้ยังคงโดดเด่นด้วยโครงสร้างภาพลักษณ์ที่ขึ้นรูปจากวัสดุรีไซเคิล ผสานการออกแบบที่ทันสมัย ไม่เหมือนใคร มีลักษณะโปร่งใสมองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน
โดยฮาร์แมน/การ์เดนบอกว่าลำโพงรุ่นนี้เป็นการยกระดับปรัชญาการออกแบบของแบรนด์ขึ้นไปอีกขีดขั้น โดยมุ่งเน้นไปยังความเป็นธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยพลัง แล้วสร้างเป็นแรงบันดาลใจที่กอปรไปด้วยแสง สี และเสียงที่ลงตัวในกันและกันอย่างเป็นรูปธรรมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ซึ่งโครงสร้างภาพลักษณ์ทั้งหมดที่สวยงามนั้น ได้ถูกผสานเข้ากับเทคโนโลยีอันสมัย และใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็มจึงได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความงดงามอันน่าทึ่ง และน่าหลงใหล นำความรู้สึกอบอุ่น ความพิศวง และความสุขที่แท้จริงมาสู่ชีวิตของผู้ใช้ ซึ่งเป็นการสานต่อมรดกของลำโพงโปร่งใสอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
ที่ฐานของโดมซึ่งอยู่ภายในตู้ครอบพลาสติกใสนั้น ประดับเอาไว้ด้วยคริสตัลจำนวน 324 ชิ้น ในรูปแบบพาราเมตริก เพื่อช่วยให้แสงกระจายออกรอบข้างอย่างน่าใหลหลง เป็นแสงที่เต้นไปตามจังหวะเสียงอย่างสวยงามและลงตัวยิ่ง เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและหลากหลายให้กับประสาทสัมผัส ทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับสภาพแวดล้อมภายในห้องของบ้านได้เป็นอย่างดี
ชุดรูปแบบของแสง หรือ Ambient Light ที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะเสียง และสะท้อนออกมาเป็นสีสันผ่านชิ้นส่วนคริสตัลนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน และผสมผสานเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ยากจะมีใครเหมือน ไม่ว่าจะเป็น Polar Light ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับจินตนาการอันสุดแสนมหัศจรรย์ หรือรูปแบบ Universe ที่เสมือนการค้นพบอวกาศที่กว้างไกลไร้ขอบเขต รวมทั้งรูปแบบ Rain Drops ที่ช่วยให้เกิดสภาวะสงบนิ่งของอารมณ์ ตลอดจนรูปแบบ Cloud ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย รวมทั้งรูปแบบ Fire ที่ให้สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของแสงสีและเสียงที่หลอมรวมเข้ากันอย่างน่าหลงใหล
ซึ่งชุดธีมของแสงสีทั้งหมดนี้สามารถให้สลับไปมาได้ตามความต้องการ
โดยโครสร้างของลำโพงนั้น ประกอบไปด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ด้วยการใช้พลาสติกใสรีไซเคิล 85% ประกอบเข้ากับอะลูมิเนียมทั้งหมดที่เป็นแบบรีไซเคิล 100% ผ้าตะแกรงลำโพงทอจากเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% และบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษนั้นผ่านการรับรองมาตรฐาน Forest Stewardship Council (FSC-Certified Paper & Printing) โดยพิมพ์รายละเอียดด้วยหมึกถั่วเหลือง
H/K Aura Studio 4 โดดเด่นด้วยการใช้ชุดตัวขับเสียงที่มีประสิทธิภาพสูง ให้การทำงานที่ถูกต้อง เที่ยงตรง และมีความแม่นยำสูง พร้อมความคมชัดอันน่าทึ่ง เพื่อให้ได้ความสมจริงของเสียงอย่างถึงที่สุด
โดยตัวขับเสียงที่ใช้นั้นประกอบไปด้วยไดรเวอร์หลักจำนวน 6 ตัว ที่ได้มีการออกแบบตำแหน่งติดตั้งเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการกระจายเสียงสูงสุด รวมทั้งสามารถรังสรรค์บรรยากาศเสียงออกมาได้อย่างสมจริง เพราะให้กระจายเสียงได้รอบตัว 360 องศา แบบ Omni-Direction และทำงานสอดประสานกับสับ-วูฟเฟอร์ ขนาด 5.2 นิ้ว ที่ติดตั้งเอาไว้ด้านใต้โครงสร้างตู้ ในลักษณะให้ยิงเสียงลงพื้นแบบ Down-Firring ที่เป็นการช่วยเพิ่มให้ได้พลังเสียงให้มากยิ่งขึ้น ภาพรวมของเสียงที่ให้ออกมาจึงมีลักษณะตอบสนองต่อคลื่นความถี่ออดิโอได้อย่างสมบูรณ์
H/K Aura Studio 4 รองรับการทำงานจับคู่กับอุปกรณ์พกพาเพื่อการสตรีมไร้สายได้พร้อมกันถึงสองชุด ด้วยการทำงานที่ราบรื่นและให้สัมผัสได้ถึงความยอดเยี่ยมของทุกจังหวะเสียงดนตรี
เปิดราคาที่ยุโรปด้วยค่าตัว 329.99 ยูโรครับ •
เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022