บีเอ็มฯ ‘R 18’ และ ‘R nineT’ รุ่นลิมิเต็ดฉลอง 100 ปี ‘มอเตอร์ราด’

สันติ จิรพรพนิต

บีเอ็มฯ ‘R 18’ และ ‘R nineT’ รุ่นลิมิเต็ดฉลอง 100 ปี ‘มอเตอร์ราด’

 

ขอเปลี่ยนบรรยากาศจากรถ 4 ล้อมาเป็นกลุ่ม 2 ล้อกันบ้าง เพราะเป็นวาระพิเศษที่ “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด” กลุ่มรถจักรยานยนต์ จากค่ายใบพัดฟ้าขาว มีอายุครบ 100 ปี หรือ 1 ศตวรรษ ในปีนี้ (ค.ศ.2023)

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เป็นค่าย 2 ล้อเกรดพรีเมียม เช่นเดียวกับรถเก๋ง หรือเอสยูวี ของบีเอ็มฯ

ถือกำเนิดเมื่อปี ค.ศ.1923 โดยมี “R 32” เป็นรุ่นแรกที่อวดโฉมสู่สายตาชาวโลก ในงานเยอรมนีมอเตอร์โชว์ ค.ศ.1923 (พ.ศ.2466) ประเทศเยอรมนี

จากนั้นบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ผงาดในวงการสองล้อระดับโลก ทั้งผลิตจักรยานยนต์ที่สร้างสถิติต่างๆ มากมาย

อาทิ การสร้าง “บีเอ็มดับเบิลยู 500 Kompressor” สามารถทำความเร็วได้ถึง 279.503 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตั้งแต่ปี ค.ศ.1937

ด้วยเป็นวาระสำคัญ บีเอ็มฯ จึงคลอดรถรุ่นพิเศษฉลอง 100 ปี

“บีเอ็มดับเบิลยู R 18” และ “บีเอ็มดับเบิลยู R nineT” ผลิตเพียง 1,923 คันในแต่ละรุ่นทั่วโลก

เรียกว่าเป็นจักรยานยนต์ลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่แฟนานุแฟนค่ายใบพัดฟ้าขาวและนักสะสมพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

เริ่มกันที่บีเอ็มดับเบิลยู R 18 พาย้อนเอกลักษณ์ที่มอเตอร์ไซค์ในแบบดั้งเดิม การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากต้นกำเนิดของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด

มีกลิ่นอายความคลาสสิคด้วยชิ้นส่วนแฮนด์เมดต่างๆ ย้ำถึงความเรียบง่ายแต่ตอบโจทย์การใช้งาน

สัดส่วนของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์คลาสสิครุ่นพี่ “บีเอ็มดับเบิลยู R 5” ดีไซน์สปอร์ตเปลือย

ใช้โครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น ถังน้ำมันทรงหยดน้ำ เพลาแบบเปิดเปลือย

เสริมลูกเล่นดีไซน์ด้วยการทำสีแบบลายเส้นบนตัวถัง

โครงสร้างเฟรมและถังน้ำมัน สร้างเส้นสายที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่หน้ารถไปจนถึงซุ้มล้อหลัง

รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี มาในสี Classic Chrome ผสานกับสีโครเมียม บริเวณคันโยกมือและเท้า ที่จับแฮนด์ ฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหน้า และกระจก

ท่อไอเสีย Akrapovic ชุบโครเมียมทรงตรงแบบเจาะรูสไตล์ใบพัดลวดลายโลโก้บีเอ็มดับเบิลยู

เบาะนั่งบุนวมสีแดง Oxblood

ไฟหน้า Adaptive LED แบบใหม่ พร้อมระบบไฟส่องสว่างตอนกลางวัน

ช่วงล่างแบบเทเลสโคปิกแทนการควบคุมด้วยไฟฟ้า มีคานรับน้ำหนักกลางที่ปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้

ระยะยุบตัวโช้กหน้า 120 มิลลิเมตร ระยะยุบตัวโช้กหลัง 90 มิลลิเมตร

ระบบเบรกดิสก์คู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และคาลิปเปอร์เบรก 4 ลูกสูบ พร้อมล้อซี่ลวด

แรงจัดด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 4 จังหวะ 2 สูบขนาดใหญ่ ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน พัฒนาใหม่ให้ทรงพลังทั้งในด้านดีไซน์และประสิทธิภาพ

ความจุ 1,802 ซีซี กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 4,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที

ความเร็วสูงสุดกว่า 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเพลา มาพร้อมกับชุดเกียร์ 6 สปีด แบบ claw-shift และคลัตช์เดี่ยวแบบแห้ง

สะวิงอาร์มหลังยังได้รับแรงบันดาลใจจากบีเอ็มดับเบิลยู R 5 ยึดต่อกับเพลาหลังด้วยข้อต่อสลักเกลียวแบบดั้งเดิม

โหมดการขับขี่ “Rain” “Roll” และ “Rock”

เทคโนโลยีด้านการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความปลอดภัยด้วยฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมระบบล็อก ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC) ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control)

ระบบเกียร์ถอยหลัง (Reverse Gear) ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันรถกระชาก (Anti-hopping Clutch)

ล้ำสมัยด้วยระบบสตาร์ตแบบไร้กุญแจ (Keyless Ride)

บีเอ็มดับเบิลยู R 18 รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี ราคา 1,219,000 บาท

ส่วน “บีเอ็มดับเบิลยู R nineT” มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย คือรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler

โดย R nineT รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี โดดเด่นด้วยสี Classic Chrome และชุดแต่ง Option 719 Wheel classic และ Option 719 Billet pack shadow

ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler มาในสีฟ้า Imperial Blue Metallic และสี Manhattan Metallic Matt

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ความจุเครื่องยนต์ 1,170 ซีซี มาตรฐานมลพิษ EU-5 กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 7,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที

ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทั้งสามรุ่นมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร รองรับน้ำมันเบนซินค่าออกเทน 95-98

ระบบเกียร์ 6 สปีด พร้อม Helical gear teeth

มีระบบคลัตช์แห้งแผ่นเดียวทำงานด้วยระบบไฮโดรลิก

โหมดการขับขี่แบบ Pro ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทั้ง 3 รุ่น ประกอบด้วยโหมดการขับขี่มาตรฐาน Rain และ Road

R nineT รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี เพิ่มโหมด Dyna

ส่วน R nineT Urban G/S และ R nineT Scrambler มาพร้อมโหมด Dirt

ขณะขับขี่ด้วยโหมด Dyna หรือ Dirt จะได้ความสปอร์ตมากขึ้น

ความปลอดภัยและเทคโนโลยีขับขี่ อาทิ ระบบ Dynamic Brake Control หรือ DBC และ ABS Pro ทำงานขณะขับขี่บนถนนที่มีแรงเสียดทานสูง

ระบบ Dynamic Traction Control หรือ DTC ช่วยเสริมความปลอดภัยเมื่อเร่งความเร็ว

ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ ช่วยให้ควบคุมรถได้มั่นคงและแม่นยำขึ้น แม้ขณะเบรกในสภาวะการขับขี่ที่ยากลำบาก

R nineT รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี มากับไฟส่องสว่างแบบ LED พร้อมไฟหน้าแบบปรับได้และไฟส่องสว่างตอนกลางวัน

ระบบทำความร้อนที่แฮนด์ (Heated Grips)

โช้กหน้าแบบหัวกลับสามารถปรับได้

ขณะที่ R nineT Urban G/S และ R nineT Scrambler ใช้ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างตอนกลางวัน ไฟเลี้ยวแบบ LED

ล้อซี่ลวดสีทอง และยางแบบออฟโรด

R nineT รุ่นฉลอง 100 ปี ราคา 1,099,000 บาท

ส่วน R nineT Urban G/S และ R nineT Scrambler ราคาเท่ากันที่ 809,000 บาท •

 

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]