ViewSonic X2 : Smart LED Home Projector

ไม่ได้พูดถึงเครื่องฉายภาพนานแล้วนะครับ เลยขอหยิบมาแนะนำประเดิมปีใหม่สักเครื่อง เนื่องเพราะเอามาขลุกอยู่ในห้องพักใหญ่ๆ พอได้ความแล้ว ได้เวลาเล่าสู่กันฟังละ

และกับแบรนด์ที่จ่าหัวนั้น เป็นที่มักคุ้นกันว่าโดดเด่นและเชี่ยวชาญในเรื่องอุปกรณ์ระบบภาพ มีผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับต้นๆ ทั้งในส่วนขององค์กร สถาบันการศึกษา ตลอดจนเพื่อความบันเทิงภายในบ้าน

โดยเฉพาะกับกลุ่มหลังนั้นมักจะพบเห็นโปรเจ็กเตอร์ของค่ายนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบภาพและเสียงตามบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยความนิยมที่ว่านั้นมาจากเหตุและผลหลักๆ ก็คือคุณภาพที่สัมพันธ์กับราคา ในความหมายที่ว่าเป็นเครื่องที่ให้ความคุ้มค่าในระดับน่าพอใจสูงครับ

ViewSonic Corp. เป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติสัญชาติไต้หวัน-อเมริกัน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Brea, California สหรัฐอเมริกา ส่วนศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ R&D Centre นั้นอยู่ที่กรุงไทเป สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)

ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1987 ด้วยชื่อ Keypoint Technology Corporation โดย Mr. James Chu หลังจากนั้นสามปีได้เปิดตัวจอมอนิเตอร์สำหรับคอมพิวเตอร์ด้วยแบรนด์ ViewSonic และไม่นานหลังจากเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์จอภาพ ก็ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทไปเป็นตามชื่อแบรนด์ในปี ค.ศ.1990

ความนิยมในจอภาพของแบรนด์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ช่วงกลางทศวรรษที่ 90s ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตจอภาพแบบ CRT Monitor ที่มีชื่อชั้นในระนาบเดียวกับผู้นำทางด้านนี้ของญี่ปุ่น อาทิ Sony, NEC, Panasonic เป็นต้น

ขณะที่ปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์เกี่ยวกับการแสดงผลภาพ ทั้งจอภาพแบบ LCD, เครื่องฉายภาพหรือ Projector ตลอดจนกระดานอัจฉริยะที่ใช้ทางด้านการเรียนการสอน หรือ Interactive Whiteboard ซึ่งใช้ชื่อแบรนด์ว่า ViewBoard

และทั้งหมดล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงในแต่ละกลุ่มลูกค้าที่กล่าวถึงข้างต้น

เกร็ดที่นาสนใจของ ViewSonic ก็คือในปี ค.ศ.2018 ได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์ดิสเพลย์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ปี ค.ศ.2019 มีโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษามากกว่า 5,500 แห่งในสหรัฐอเมริกาติดตั้ง ViewBoard และเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.2021 มีรายงานว่า ViewSonic อยู่ในอันดับสามของส่วนแบ่งการตลาดโลกด้าน Interactive Display

ด้านการเป็นพันธมิตรทางด้านการศึกษานั้น ViewSonic จับมือเป็นหุ้นส่วนทั้งกับ Google for Education และ Microsoft Education ด้วย

ครับ, ก็ขอเรียกน้ำย่อยด้วยการนำที่มาที่ไปของแบรนด์นี้มาให้ทราบกันไว้ก่อน ก่อนไปถึงเรื่องที่ตั้งใจจะมาคุยด้วย ซึ่งเป็นเครื่องในกลุ่ม X-Series Smart LED Home Projector มีอยู่ด้วยกันสองรุ่น คือ Model X1 และ X2

ViewSonic X2 มีโครงสร้างและภาพลักษณ์ที่จัดอยู่ในกลุ่มกะทัดรัด น้ำหนักเบา และเอื้อความสะดวกในการติดตั้งใช้งานสูง ด้วยเป็นแบบ Short Throw ที่ให้ภาพขนาดใหญ่โดยไม่ต้องการระยะห่างจากจอภาพสักกี่มากน้อย

โครงสร้างตัวถังเครื่องขึ้นรูปด้วยพลาสติกสังเคราะห์สีขาวหม่น แผงหน้าแบ่งครึ่งด้วยเส้นเฉียง ทางด้านขวาติดตั้งเอาไว้ด้วยชุดเลนส์ฉายภาพ ด้านซ้ายเปิดโปร่งโดยปิดไว้ด้วยเส้นสายแบบตะแกรงเชิงกราฟิก ด้วยก้านเส้นตรงด้านในตัดกับก้านเส้นเฉียงด้านนอก ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับแผงด้านข้างของเครื่องทั้งสองด้าน ทำให้มีพื้นที่การระบายอากาศค่อนข้างมาก

โดยแผงโปร่งด้านหน้าและด้านขวาของเครื่องเป็นบริเวณที่เปิดให้อากาศเย็นไหลเข้า ส่วนแผงโปร่งด้านซ้ายเป็นบริเวณที่ระบายอากาศร้อนจากการทำงานภายในเครื่องออกมา

ด้านบนมีฝาเลื่อนชิดขอบด้านหน้า ด้านขวาของบานเลื่อนเว้าลงไปเพื่อให้ขยับเลนส์ได้สะดวก ทั้งสำหรับการปรับโฟกัสและการซูมภาพ ขณะที่ด้านซ้ายเป็นปุ่มควบคุมและเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ฝาเลื่อนนี้เมื่อผลักเปิด/ปิดไปด้านใดด้านหนึ่งจะเสมือนมีตัวล็อกอยู่ในที จึงต้องออกแรงเล็กน้อย ซึ่งนับว่าเป็นการออกแบบที่เข้าท่าดี เพราะมันไม่สามารถเลื่อนเองได้โดยอิสระ ด้วยหากไม่มีการล็อกที่ว่ามันอาจเลื่อนเปิดได้เองเวลาวางเครื่องในลักษณะเชิดหน้าขึ้น

ที่แผงหน้าใกล้ๆ ชุดเลนส์ฉายภาพมีแผงกลมขนาดประมาณเล็กกว่าเหรียญสลึงนิดหน่อย เป็นบริเวณเซ็นเซอร์อินฟราเรดรับคำสั่งจากรีโมตคอนโทรล ซึ่งจะทำงานกับลำแสงจากรีโมตภายในกรอบมุม 30 องศา และมีระยะห่างกันไม่เกิน 8 เมตร หรือประมาณ 26 ฟุต

บริเวณแผงหลังเครื่องมีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ประกอบไปด้วย Audio In/Out, RS-232, Service (สำหรับให้บริการโดยเจ้าหน้าที่), HDMI 2.0b/HDCP, USB Type-C และ USB Type-A (สำหรับจ่ายไฟ 5V/1A Out) และมีช่องเสียบสายไฟ AC ที่เป็นแบบถอดแยกได้ รวมทั้งมีแผงเซ็นเซอร์อินฟราเรดเหมือนที่แผงด้านหน้า

ส่วนใต้ท้องเครื่องนั้น นอกจากจะมีปุ่มขารองเครื่องที่มุมทั้งสี่แล้ว ที่ด้านหน้ามีขาปรับระดับแบบบานพับ และมีช่องเกลียวสำหรับยึดเครื่องให้สามจุดกระจายไปในกรณีต้องการติดตั้งโดยยึดเข้ากับฝ้าเพดาน

มิติโครงสร้างเครื่อง (กว้าง x สูง x ลึก) 355 x 121 x 251 มิลลิเมตร หนัก 3.6 กิโลกรัม

ระบุคุณสมบัติเบื้องต้นว่าเป็นเครื่องฉายภาพรุ่นแรกของค่ายที่ไม่ใด้ใช้หลอดไฟ โดยใช้เทคโนโลยีแหล่งกำเนิดแสงแบบ LED ซึ่งได้มีการพัฒนามาเป็นเจเนอเรชั่นที่สามแล้ว และมีอายุการใช้งานนานถึง 30,000 ชั่วโมง

มีค่าความสว่างสูงถึง 3,100 LED Lumens ทำให้สามารถรังสรรค์ภาพออกมาได้ด้วยความสว่างสดใสในทุกสภาพแวดล้อม ซึ่งกับเรื่องนี้โดยปกติแล้วเราจะมักคุ้นกับหน่วยความสว่างของภาพ (Lumen) ตามมาตรฐานของ ANSI: American Standard Nationals Institute ในลักษณะของหน่วยวัดที่เรียกว่า ANSI Lumen ซึ่งเป็นการวัดค่าความสว่างจากหลอดไฟ แต่เมื่อแหล่งกำเนิดแสงเปลี่ยนไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น แสงจาก LED ผู้ผลิตบางรายที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในอุปกรณ์ของตนพบว่า หากใช้การวัดค่าแบบเก่ากับอุปกรณ์เช่นโปรเจ็กเตอร์ที่มีขอบเขตความกว้างของสีมากๆ จะมีความคลาดเคลื่อนอันเนื่องมาจากผลกระทบที่เรียกว่า Helmholtz-Kohlrausch (ซึ่งวงการรู้จักกันในชื่อ HK Effect) จึงใช้การบอกค่าความสว่างด้วยหน่วยวัดที่เรียกว่า LED Lumen

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วการแปลง LED Lumen เป็น ANSI Lumen จะใช้วิธีหารค่าตัวเลขของ LED ด้วย 2.4 เช่น 1,000 LED Lumens จะแปลงได้เป็น 417 ANSI Lumens แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นค่าตัวเลขที่เห็นแตกต่างกันกว่าเท่าตัว หาใช่สิ่งที่บอกว่าคุณภาพของภาพมันเหนือกว่าหรือด้อยกว่ากันขนาดนั้นดอกนะครับ ต้องพิจารณาการแสดงผลภาพของจริงประกอบหรือเทียบเคียงกันด้วย

เพราะจากภาพตัวอย่างจากเครื่องฉายของ ViewSonic ด้วยกัน คือ Model PX727-4K ที่มีค่าความสว่างภาพจากหลอดไฟ 2,200 ANSI Lumen เมื่อเทียบกับ Model X10-4K ที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงแบบ LED แล้วแปลงค่าความสว่างภาพได้ 900 ANSI Lumens นั้น ภาพเดียวกันจากเครื่องฉายทั้งสองมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ชนิดที่ต้องบอกว่าชอบใครชอบมันนั่นแหละครับ

จึงอย่างที่บอกอยู่เนืองๆ ว่าจะซื้อหาอะไรพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ระบบภาพหรือระบบเสียงก็ตาม ไปดูให้เห็นกับตาไปฟังให้รู้กับหูตัวเอง เป็นดีที่สุดครับ

เที่ยวหน้ามาว่ากันต่อครับ •

 

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]