จดหมาย

จดหมาย | ประจำวันที่ 17-23 พฤศจิกายน 2566

 

• ตกหลุม (1)

จากเหตุการณ์ฝาบ่อพักชั่วคราวทรุดตัว ทำให้รถบรรทุก 10 ล้อตกลงไปในบ่อร้อยสายไฟ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

สำหรับข้อสันนิษฐานสาเหตุการวิบัติของฝาบ่อพักมีปัจจัย 3 ประเด็นได้แก่

1) น้ำหนักรถบรรทุก ที่มากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือไม่เกิน 25 ตัน

2) โครงสร้างรองรับฝาบ่อ เป็นคานเหล็กตัวไอ และมีการใช้เหล็กข้ออ้อยทำเป็นตัวบั้ง (Stiffener) ข้างคาน

ต้องตรวจสอบว่าคานเหล็กดังกล่าวรับน้ำหนักบรรทุกได้เท่าไร

และการใช้เหล็กข้ออ้อยเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่

3) ขั้นตอนการทำงานและใช้งานคานเหล็ก

ตำแหน่งการวางในระหว่างปิดเปิดฝาบ่อ และการขยับของฝาบ่อในขณะที่รถเคลื่อนที่ผ่าน อาจทำให้คานเหล็กเคลื่อนออกจากตำแหน่ง

หรือเกิดจากการเยื้องศูนย์ของแรงกระทำ ทำให้คานเหล็กบิดตัวและทำให้ฝาบ่อสูญเสียจุดรองรับ พังทรุดตัวตามลงมา

แม้จะวางกรอบการวิเคราะห์ไว้แล้ว 3 ประเด็นข้างต้น

แต่การจะสรุปให้แน่ชัดต้องรวบรวมข้อมูลทางวิศวกรรมของระบบโครงสร้างรองรับ ตลอดจนน้ำหนักบรรทุกของรถบรรทุก เพื่อมาทำการวิเคราะห์กำลังรับน้ำหนักและรูปแบบการวิบัติ (Failure mode) ของคานเหล็กต่อไป

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีบ่อพักลักษณะคล้ายๆ กันนี้อีกหลายจุดในกรุงเทพมหานคร

ดังนั้น จึงควรเร่งตรวจสอบความแข็งแรงของฝาบ่อพักที่เหลือ และเสริมความแข็งแรงโครงสร้างรองรับฝาบ่อ

ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น

1. เพิ่มจำนวนคานเหล็กรองรับให้มากขึ้น

2. เพิ่มขนาดของคานเหล็กให้ใหญ่ขึ้น

3. ขยายความกว้างของแผ่นปีกคานเหล็กเพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับฝาบ่อ

4. ใช้แผ่นเหล็กประกับทำเป็นแผ่นเหล็กตั้งข้างคาน ทั้งนี้ ควรกำหนดค่าอัตราส่วนความปลอดภัย (Factor of Safety) ในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้คำนึงถึงสภาพการใช้งานชั่วคราวที่ต้องยกปิดเปิด

และที่สำคัญไม่ว่าจะออกแบบและก่อสร้างคานเหล็กไว้แข็งแรงเพียงใด

หากไม่สามารถควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกตามกฎหมาย ก็มีโอกาสเกิดการพังทลายซ้ำได้อีก

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ

นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย

 

ปัญหาฝาบ่อพักชั่วคราวทรุดตัว

คงหาการแก้ไขทางวิศวกรรมได้ไม่ยากสักเท่าไหร่

แต่สิ่งที่ “มหายาก” เป็นปัญหาอมตะ

คือ ปัญหาการบรรทุกน้ำหนักเกินของสิบล้อ

เพราะปัญหาส่วยและผลประโยชน์สีดำ เข้ามาเกี่ยวข้อง

และพลอยฉุดให้สังคมโดยรวมตกหลุม “ลึก” มากขึ้นทุกทีด้วย

จนยากจะแก้ไข

 

• ตกหลุม (2)

สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด

ผลสำรวจโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าครัวเรือนไทย พบมีหนี้โดยเฉลี่ยกว่า 500,000 บาท/ครัวเรือน

80% เป็นหนี้ในระบบ

อีกเกือบ 20% เป็นหนี้นอกระบบซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมาก

ขณะที่ปัจจัยซ้ำเติมที่ก่อให้เกิดหนี้ อย่างการเล่นพนันหรือเสี่ยงโชคก็มีปริมาณการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลสำรวจการพนันในปี 2564

พบว่า คนไทย 32 ล้านคนหรือร้อยละ 60 เล่นพนัน

ส่วนใหญ่เป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน

และยังพบเด็กเยาวชนและผู้สูงอายุเล่นพนันในสัดส่วนที่ใกล้เคียวกันราวๆ 4 ล้านคนในแต่ละกลุ่ม

ที่สำคัญคือการพนันออนไลน์ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว

ผลที่ตามมาคือ 15% คนที่เล่นพนันหรือเกือบ 5 ล้านคนได้รับผลกระทบจากการพนัน

การฉีดวัคซีนความรู้ด้านการบริหารการเงินและการสร้างภูมิรู้เท่าทันพนัน จึงเป็นเรื่องสำคัญ

มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และเครือข่ายสร้างการเรียนรู้ชุมชน 9 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี เลย น่าน พะเยา ลำปาง และพัทลุง

จึงทดลองสร้างพื้นที่ต้นแบบสร้างการเรียนรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ปฏิบัติงานชุมชน เช่น ผู้แทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อสม. กลุ่มออมทรัพย์ หรือกลุ่มสวัสดิการชุมชน ตัวแทนเยาวชน และภาคประชาสังคม รวมถึงนักวิชาการที่สนใจในแต่ละจังหวัด

เพื่อจัดทำโครงการปฏิบัติการอบรมหลักสูตรพี่เลี้ยงการเงินและรู้ทันพนันขึ้น

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า “หลักสูตรที่นำมาใช้เป็นหลักสูตรแบบเข้มข้นที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน จึงออกแบบกิจกรรมให้เข้าใจได้ง่ายจากการลงมือปฏิบัติจริง

โดยความรู้หลักที่นำมาใช้มาจากสองหน่วยงาน

หนึ่ง ความรู้เรื่องการปลดหนี้ จากบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)

และสอง การใช้เกมเรียนรู้ ได้แนวคิดมาจากเกม “The Choice – ทางเลือกทางรอด” ของศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดูแลงานโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ

และเพิ่มเติมองค์ความรู้เรื่องการรู้เท่าทันพนันที่มูลนิธิ นักวิชาการ และภาคีเครือข่ายได้วิจัยและพัฒนามาเข้าไปเป็นอีกส่วนหนึ่ง

ขณะนี้มีแนวโน้มว่าฝ่ายการเมืองชูแนวคิด Soft Power ผลักดันให้เกิดการพนันถูกกฎหมายเพิ่มมากขึ้น

ทั้งการผลักดันกาสิโน การขยายขนาดของการพนันพื้นบ้านต่างๆ

โดยอ้างว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรม

รวมทั้งการเสนอให้การพนันออนไลน์เป็นสิ่งถูกกฎหมาย

สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่

คงเป็นเรื่องที่ต้องเรียกร้องให้มีการศึกษาผลกระทบทางสังคมก่อนตัดสินใจ

และต้องเป็นการตัดสินใจร่วมของประชาชน

ไม่ใช่การตัดสินใจโดยฝ่ายการเมืองเพียงฝ่ายเดียว

ทั้งนี้ ประชาชนควรมีการสร้างเสริมทักษะการรู้เท่าทันพนันให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งที่อาจก่อให้เกิดโทษภัยได้โดยไม่ถูกทำร้าย

เป็นการสร้าง Soft Skill ให้แก่ประชาชน รองรับการมุ่งใช้ Soft Power ของฝ่ายนโยบาย

โดยต้องสร้างความพร้อมทางสังคมขึ้นมาก่อน

มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน

 

ตกหลุมพนัน

นั้นหนักอยู่แล้ว

แต่จะหนักกว่า

หากเป็นอย่างที่ตั้งข้อสงสัยว่า

ฝ่ายการเมืองชูแนวคิด Soft Power

โดยมีเรื่องพนันแอบแฝงเข้าไป?!?

อันจะทำให้ชาวบ้านตกหลุมพนันลึกลงไปอีก •