ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
อันเนื่องมาแต่กรณี “ดราม่า” ในโลกโซเชียลเมื่อไม่นานนี้
ว่าด้วยความไม่เท่าเทียมกันอย่างเห็นได้ชัด ในกรณีจัดงบประมาณทางการศึกษาให้กับสถาบันอุดมศึกษาแบบแตกต่างกันราวฟ้ากันเหว
ก็เลยพาลให้พลอยนึกไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวโยงกัน
แล้วก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองเอาดื้อๆ ว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมไทยในปัจจุบัน (หรือในช่วงหลายปีที่ผ่านมา)
ก็คือความเหลื่อมล้ำ
เหลื่อมอะไร ล้ำอะไร
1.เหลื่อมล้ำทางการเมือง
สิทธิและเสรีภาพของคนส่วนใหญ่ ถูกคนส่วนน้อยริบเอาไปอย่างหน้าตาเฉย
แล้วก็ร่างกติกาใหม่ที่หมายจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางอำนาจ (ที่ถ่างกว้างขึ้นไปทุกที) ดำรงอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน
ถามว่าจะเป็นจริงได้อย่างใจละหรือ
ลำพัง “อำนาจ” จะกดหัวคนให้ก้มต่ำอยู่ไปได้นานแค่ไหน
การกดให้คนส่วนใหญ่ต้องสยบยอมหรือทำตามในระยะสั้น
จะส่งผลต่อเนื่องอะไรตามมาในระยะยาว
ถ้าวันหนึ่งอุณหภูมิของการเผชิญหน้าที่สั่งสมมาเรื่อยๆ ถึงจุดเดือด
ฝ่ายผู้มีอำนาจพร้อมไหมที่จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในการรักษาอำนาจแบบ “สุดทาง”
ถ้าไม่กล้าใช้จะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าใช้ อะไรจะเกิดขึ้น
2.เหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
เอาสั้นๆ เฉพาะช่วง 4 ปีที่ผ่านมา-นี่จากตัวเลขของรัฐบาลเองด้วยนะครับ ไม่ได้ปั้นแต่งขึ้นมาเอง
ตั้งแต่ 2557-2560 จีดีพีไทยขยายตัวขึ้นมาคิดเป็นมูลค่ารวมแล้วประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ในช่วงเดียวกัน มูลค่าของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มสูงขึ้น 4 ล้านล้านบาท
แปลว่าอะไร
ก็แปลว่าบริษัทใหญ่หรือคนมีสตางค์ในประเทศนี้ มีส่วนแบ่งในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะที่คนจน-คนชั้นกลางมีส่วนแบ่งน้อยลง
ก็แปลว่าเหลื่อมล้ำมากขึ้นนั่นแหละ
(ท่านใดที่สนใจเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจนี่ไปลองค้นบทความในเฟซบุ๊กของคุณบรรยง พงษ์พานิช ดู ท่านเขียนอธิบาย-ระบายเอาไว้หลายครั้งหลายตอนชนิดชัดเจน)
สังคมที่ฐานะของคนชั้นบนกับชั้นกลาง-ชั้นล่างถ่างกว้างออกไปทุกที จะมีหน้าตายังไง
คฤหาสน์กลางสลัมอยู่เป็นสุขสบายได้จริงหรือ
3.เหลื่อมล้ำทางโอกาส
ตัวอย่างที่ชัดเจนและกำลังเป็นดราม่าล่าสุดก็คือ
กรณีการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการศึกษาของระดับอุดมศึกษา
ที่จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์-เกษตร และมหาวิทยาลัยชั้นนำอีก 3-4 แห่ง ได้รับเงินอุดหนุนรวมกันแล้วมากกว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศทั้ง 38 แห่งรวมกัน
(เช่นกัน ท่านใดที่สนใจเรื่องโครงสร้างการจัดงบประมาณที่ไม่เป็นธรรมนี้ ลองตามไปอ่านเฟซบุ๊กของอาจารย์อาทิตย์ ศรีจันทร์ หรือของอาจารย์โสรัจจ์ หงส์ลดารมภ์ ท่านดู ท่านแรกมีรายละเอียดแจกแจงแบบเห็นภาพ ท่านหลังสรุปง่ายๆ ด้วยตรรกะสมกับเป็นอาจารย์ปรัชญา ว่าต้องจัดงบฯ ต่อหัวให้นักศึกษาในแต่ละสถาบันเท่ากัน)
ความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัดเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอะไร
คำตอบตามความเห็นส่วนตัวก็คือ
เพราะทัศนคติที่เห็นคนไม่เป็นคนเท่ากัน
ทัศนคติที่คนชั้นสูงเหยียดคนชั้นล่าง
คนในเมืองเหยียดคนชนบท
คน (ที่นึกว่าเป็น) ไทยก็เหยียดคนรอบบ้านอีกต่อ
เมื่อเห็นคนไม่เท่ากันแล้ว
– (พวก) เอ็งก็ไม่ควรมีอำนาจเท่ากับ (พวก) ข้า
– (พวก) เอ็งก็ไม่ควรมีสตางค์เท่ากับ (พวก) ข้า
– (พวก) เอ็งก็ไม่ได้รับโอกาสเท่ากับ (พวก) ข้า
อำนาจจึงถูกริบ
สตางค์จึงถูกฉก
โอกาสจะถึงถูกฉวย
ปัญหาความ”คับแค้นทางจิตใจ ยากไร้ทางวัตถุ “(ภาษาฝ่ายซ้ายตามสำนวนติดปากคุณเสถียร จันทิมาธร)
ก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกวัน
ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่อะไร
ไม่รู้-และไม่กล้าสรุป
รู้แต่โครงสร้างผุพังอย่างนี้ ตั้งอยู่ไม่ได้
ต้องปรับต้องแก้ต้องรื้อกันขนานใหญ่
และไม่ใช่ด้วยอำนาจหรือความปรารถนาดีของคนกลุ่มน้อย (ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ายิ่งสร้างปัญหาและความเหลื่อมล้ำให้มากขึ้น)
แต่ต้องด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องตรงกันของคนส่วนใหญ่
ประชาธิปไตยจึงสำคัญ
การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมจึงสำคัญ
ในฐานะประตูบานแรกที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหา
แต่ถ้าคิดว่ายังจะเอาความเหลื่อมล้ำทั้งหมดนี้ซุกใต้พรมได้ต่อไป ก็เชิญตามอัธยาศัยครับ
พังเร็วพังช้า พังมากพังน้อย
เราท่านทุกคนมีส่วนทั้งสิ้น