ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าตัวเองคงมีพฤติกรรมเหมือนคนไทยส่วนใหญ่
หรือเอาเข้าจริงก็คือเหมือนกับคนจำนวนไม่น้อยในโลก
(เขาประมาณการกันว่า ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,000 ล้านคน)
นั่นคือแบ่งความสนใจไปติดตามสองเหตุการณ์ใหญ่
หนึ่งคือฟุตบอลโลก
อีกหนึ่งคือปฏิบัติการช่วยชีวิต 13 นักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี
ไม่ได้เกินเลยไปนะครับที่บอกว่าทั้งโลกจับตามองอยู่
ฟุตบอลโลกนั่นยกให้เถิด
เป็นมหกรรมกีฬาที่มีคนติดตามชมมากที่สุดในโลกทุกสี่ปีอยู่แล้ว
แต่หนนี้ ปฏิบัติการช่วยชีวิตน้องหนูๆ ทีมหมูป่า ถูกแพร่ขยายกระจายข่าวไปทั่วโลก
ไม่ได้แพร่แบบธรรมดา แต่ว่ารายงานกันชนิดเกาะติดยาว
จะเป็นซีเอ็นเอ็น เอพี รอยเตอร์ เอเอฟพี อัลจาซีรา หรือว่าสำนักข่าวไหนๆ นี่เหมือนกันหมด
แต่ที่ดูเหมือนจะมากที่สุด ครอบคลุมเกือบทุกแง่มุมที่สุดคือบีบีซี
(อาจจะเพราะเขามีนักดำน้ำในถ้ำระดับโลก ที่เป็นหัวหอกและเป็นทีมแรกที่เข้าไปพบเด็กๆ และคลิปเหตุการณ์นั้นเป็นหนึ่งในคลิปที่ถูกกระจาย-รับชมมากที่สุดในโลกชิ้นหนึ่ง)
ฟุตบอลโลกนั่นก็ช่างเถิด ในฐานะผู้ชมก็ชมไปอย่างเดียว
วิพากษ์วิจารณ์เอาพอมันปาก
แต่กรณีหลังนั้นนั่งดูไปเรื่อยๆ แล้วก็เกิดข้อสังเกตบางประการ
ในฐานะอดีตนักข่าวคนหนึ่ง
ประการแรก คือประเด็นที่แตะๆ ไว้ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ว่าด้วยตัวเหตุการณ์เองก็ดี ด้วยความสะดวกและแพร่หลายของวิทยาการด้านการสื่อสารก็ดี
เรื่องที่เกิด ณ จุดหนึ่งโลก ถ้ามีพลังหรือกระทบใจมากพอ จะแพร่ขยายเป็นไฟลามทุ่งไปได้รวดเร็วยิ่ง
ในกรณีนี้ สวนทางกับข่าวที่ออกไปก็คือความช่วยเหลือความร่วมมือที่หลั่งไหลเข้ามา
ทั้งจากเทศและไทยด้วยกัน
ไทยนั้นยกไว้ เอาประเด็นเทศอย่างเดียว
ในกรณีนี้การไหลออกและไหลเข้าอาจจะเป็นคุณ อาจจะเป็นเรื่องถูกใจ คนไทยอาจจะอิ่มใจดีใจ
แต่โลกนี้สังคมนี้ไม่ได้มีเหตุการณ์เด็กติดถ้ำอย่างเดียว
อย่าลืมว่าถ้าข่าวประเภทนี้แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางได้
ข่าวอื่นก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
ผิดกันที่ระดับความมากน้อย
และที่จะผิดกันมากก็คือปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับมา
ถ้าเป็นเรื่องดี เราก็ดีใจ
แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่ถูกใจ
ไม่มีอะไรทำได้มากกว่าทำใจ
ถ้ายังอยากเป็นสมาชิกของสังคมโลกอยู่
ข้ามมาประเด็นที่สอง คราวนี้ในฐานะผู้มีอาชีพทำข่าว
การหลั่งไหลเข้ามาของสื่อต่างประเทศจำนวนมาก และวิธีการทำงานแบบเกาะติด รายงานข่าวสารและสถานการณ์รอบด้าน
เชื่อว่าในด้านหนึ่งก็เป็นประโยชน์กับการทำงานของพี่น้องเพื่อนฝูงในอาชีพเดียวกัน ทั้งที่อยู่ในสนามข่าวและที่อยู่ส่วนกลาง
ได้จดจำ ได้เลียนแบบ เอามาพัฒนาการทำงานของเราเองให้ระดับขยับเข้าไปใกล้มาตรฐานสากลยิ่งขึ้น
แต่อีกด้านก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ และเป็นดาบสองคม
ให้คนดู คนฟัง คนอ่าน ได้เห็นได้เปรียบเทียบ และได้วิพากษ์วิจารณ์
ว่าการทำงานของเราๆ กันเอง ยังอ่อนด้อยตรงไหน ดราม่าเกินไปหน่อยข้อเท็จจริงน้อยไปนิดอย่างไร
ทั้งตัวอย่างที่เห็นและคำวิจารณ์จะนำมาใช้ปรับปรุงแก้ไขในลำดับต่อไป
ขอเพียงแค่ท่านผู้ชมผู้อ่านทั้งหลาย อย่าเพิ่ง “ดราม่า” ด่ากราดไปหมดก่อนเท่านั้น
ว่ากันเป็นเรื่องๆ เป็นคนคน เป็นสำนักๆ ไป
ผู้ปฏิบัติงานทั้งหลายจะได้ปรับตัวถูก
เวลาด่าเหมารวมนี่บางทีรับไม่ทันและไม่รู้จริงๆ ว่าใครไปทำอะไร ผิดพลาดตรงไหน
เว้นแต่ที่เป็นเรื่องใหญ่จนอื้อฉาว
นะครับ-นะครับ
ถ้าคิดว่ายังต้องอยู่ร่วมโลกร่วมสังคมกันต่อไป ตัดไม่ตายขายไม่ขาด
จะเฆี่ยนจะตีก็ด้วยความกรุณาปรานี เปิดโอกาสให้ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ
เหมือนช่วยเด็กออกจากถ้ำนี่ละครับ