สรุปข่าวต่างประเทศ

สหรัฐอเมริกา

นิวยอร์ก – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ แถลงว่า ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เตรียมย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปไว้นอกประเทศสหรัฐ อันเป็นผลพวงมาจากการที่สหภาพยุโรป (อียู) ตั้งกำแพงภาษีเพื่อตอบโต้มาตรการกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐ

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ทวีตข้อความแสดงความผิดหวังต่อการย้ายฐานการผลิตดังกล่าวของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน โดยระบุว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน จะกลายเป็นบริษัทแรกที่ยกธงขาว ทั้งๆ ที่ตนต่อสู้อย่างหนักเพื่อทุกคน

ทั้งนี้ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ระบุว่า บริษัทเองไม่มีทางเลือก หลังจากเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา อียูได้เริ่มการใช้มาตรการภาษีใหม่กับบริษัทจากสหรัฐ ทำให้บริษัทผลิตรถจักรยานยนต์ของสหรัฐต้องจ่ายภาษี 31 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมอยู่ที่ 6 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าการย้ายฐานการผลิตดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 9-18 เดือน ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ ทางบริษัทจึงจะต้องยอมรับการจ่ายภาษีที่สูงดังกล่าวไปก่อน ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกปีละ 90-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดขายรถจักรยานยนต์ของฮาร์เล่ย์-เดวิดสันในสหรัฐตกลงไปถึง 12 เปอร์เซ็นต์ แต่ยอดขายในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กลับเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ โดยยุโรปถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดนอกสหรัฐของบริษัท ปี 2560 มีผู้ซื้อรถของฮาร์เล่ย์-เดวิดสันถึงเกือบ 40,000 ราย

พม่า

ย่างกุ้ง – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองทัพพม่าประกาศเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ว่า ได้ปลดนายพลหม่อง หม่อง โซ ผู้บัญชาการทหารที่กำกับดูแลพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของพม่ารวมถึงรัฐยะไข่ ออกจากตำแหน่งแล้ว โดยนายพลหม่อง หม่อง โซ ถูกมองว่าเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบหลักในเหตุการปราบปรามชาวโรฮิงญาด้วยความรุนแรงเมื่อปลายปี พ.ศ.2560 จนทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 700,000 คนต้องลี้ภัยไปอยู่ในบังกลาเทศ

ทั้งนี้ กองทัพพม่าได้ประกาศเรื่องการปลดนายพลหม่อง หม่อง โซ ผ่านเฟซบุ๊กของกองทัพ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะผลงานย่ำแย่ นายพลหม่อง หม่อง โซ เพิ่งจะได้รับการต่ออายุให้ดำรงตำแหน่งสำคัญดังกล่าวเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน การปลดพ้นจากหน้าที่ในครั้งนี้ก็เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างแข็งขัน เพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงในรัฐยะไข่

คำสั่งปลดนายพลหม่อง หม่อง โซ ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ประกาศคว่ำบาตรผู้บริหารระดับสูงด้านความมั่นคงของพม่า 7 คน ประกอบด้วยนายพลในกองทัพพม่า 5 นาย ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดน และผู้บัญชาการตำรวจ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำอันป่าเถื่อนโหดร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560

ซาอุดีอาระเบีย

ริยาด – สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ผู้หญิงชาวซาอุดีอาระเบียขับรถออกสู่ท้องถนนหลังพ้นช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 23 มิถุนายน เข้าสู่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาเพื่อเฉลิมฉลองการยุติการบังคับใช้กฎหมายห้ามผู้หญิงขับรถ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ผู้หญิงในประเทศอนุรักษนิยมอย่างซาอุดีอาระเบียลง

การยกเลิกกฎหมายดังกล่าวที่กษัตริย์ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบียทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้านั้น เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทในการปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศเคร่งศาสนาผู้ส่งออกน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ของโลกให้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น โดยกษัตริย์ซัลมานทรงประกาศให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนกันยายน 2560 ก่อนที่กฎหมายจะมีผลในวันเดียวกันนี้

รายงานจากแฟกต์สโกลบอลเอเนอร์จี ระบุว่ามีผู้หญิงซาอุดีอาระเบียที่อยู่ในช่วงอายุที่สามารถขับรถได้ราว 65 ล้านคนเตรียมที่จะยื่นขอใบขับขี่อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาอย่างไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ ระบุว่าตัวเลขผู้ขับขี่หญิงใหม่จะยังคงน้อยอยู่เนื่องจากบางส่วนยังคงอยู่ระหว่างเรียนขับรถ โดยคาดว่าจะมีผู้หญิงราว 3 ล้านคนขับรถสู่ท้องถนนภายในปี พ.ศ.2563

กฎหมายดังกล่าวนอกจากเปิดทางให้ผู้หญิงขับรถแล้วยังเปิดทางให้ผู้หญิงขับรถจักรยานยนต์ รถตู้และรถบรรทุก ขณะที่สำนักงานจราจรซาอุดีอาระเบียระบุว่า ผู้หญิงที่มีใบขับขี่ของประเทศอาหรับจะต้องเปลี่ยนมาใช้ใบขับขี่ซาอุดีอาระเบีย

ขณะที่ผู้ที่มีใบขับขี่นานาชาติยังสามารถใช้ขับรถได้เป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะต้องสมัครใบขับขี่ของประเทศ โดยกำหนดอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีสำหรับรถส่วนบุคคล และไม่ต่ำกว่า 20 ปีสำหรับรถสาธารณะ