แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล จะออกตัวว่ายังเป็นหนู

แต่การสะสมส.ส.และอดีตส.ส.ไว้ในรังภูมิใจไทยขณะนี้

ทำให้”หนู” ที่ว่า ดูจะตัวใหญ่กว่า”ราชสีห์”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปแล้ว

ลองเปรียบเทียบภาพที่ นายอนุทิน สามารถโชว์พาว ให้ส.ส. 34 คน ลาออกเพื่อมาร่วมเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา

กับภาพที่พรรครวมไทยสร้างชาติ สร้างขึ้นมาเทียบ

โดยแจกข่าวอ้างว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีส.ส.กว่า 40 คนจากหลายพรรค ทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เพื่อไทย และก้าวไกล มาร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้าต่อไป

อันไหน “จับต้อง”ได้มากกว่ากัน คงประเมินได้ไม่ยาก

นายอนุทิน นั้น โชว์กันเห็นจะจะและครึกโครม

ส่วนฝั่งพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะพยายาม”เบ่งตัว”สู้ ด้วยจำนวน 40 กว่าส.ส. แต่อยู่ในระดับ”ข่าว”ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเท่านั้น

จึงน่าจะหงุดหงิด เหมือนกับที่พล.อ.ประยุทธ์ หงุดหงิดหลังกลับจากเบลเยี่ยม เมื่อถูกจี้ถามถึงความชัดเจนทางการเมืองนั่นแหละ

ซึ่งก็น่าหงุดหงิดอยู่หรอก กับการเปรียบเทียบอันโหดร้ายดังกล่าว

คือขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลุ้นกับจำนวนส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าจะถึง 25 เสียง พอที่จะเสนอชื่อให้ตนเองเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่

นายอนุทิน ตั้งเป้าจะได้ส.ส.ทะลุ 120 เสียง เหนือกว่า 25 เสียงหลายเท่า

และมีโอกาสเป็นไปได้ ที่”หนู”ธรรมดาๆ กลายเป็น”หนูราชสีห์”หรือเป็นเจ้าป่าเสียเองด้วย

ดังนั้น”ราชสีห์”ตัวเดิมที่คาดหวัง ว่า หนู จะมาช่วยนั้น

อาจจะผิดหวัง เพราะนั่นเป็นเพียงเหตุการณ์ในนิทานอิสปเท่านั้น

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ของนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทยแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ เอื้อที่จะไปถึงฝันสูงมาก

หนู พร้อมจะกลายเป็นราชสีห์

อนุทิน พร้อมจะเป็นนายกฯ

ดังนั้น สูตรเดิมที่พล.อ.ประยุทธ์ หวังว่า จะให้ นายอนุทิน มาอยู่ในเกม”นายกฯคนละครึ่ง”

เสียสละให้ตนเองเป็นนายกฯ 2ปีก่อน แล้วค่อยส่งต่อให้นายอนุทิน นั้น

นายอนุทิน ครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ และพรรคภูมิใจไทย คงไม่ยอมง่ายๆ

และว่าที่จริง พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีอำนาจต่อรอง ลดลงมาก ทั้งความนิยม และ ทั้งตัวเลข ในสภา

อาจจะมองว่า 250 ส.ว.คือพลังต่อรองอันแข็งแกร่ง

แต่กระนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติ เฉพาะหน้านี้ต้องเบ่งตัวเองให้เป็นพรรคเกิน 25 เสียงให้ได้ก่อน เพื่อดันให้พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปชิงนายกฯ

แต่ที่อวดว่ามีส.ส. 40 กว่าเสียงพร้อม มาหนุนนั้น ก็อย่างที่บอก เป็นเพียง ข่าวเท่านั้น

เป็นข่าวเช่นเดียวกับ กับพยายามโชว์ไม้เด็ด ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

โดยหวังว่า เลขาฯนายกฯที่เปรียบเป็น “นายกฯน้อย” จะได้เปรียบในการคุมกลไกรัฐทำศึกเลือกตั้ง

ซึ่งดูจะผิดหัวผิดหางอยู่พอสมควร

เพราะนายพีระพันธ์ ที่ใหญ่โตระดับหัวหน้าพรรค ควรจะต้องเป็นผู้กุมนโยบายและออกลุยสมรภูมิการเมืองด้วยตนเอง

ไม่ใช่มานั่งซุ่ม”ทำอะไรๆ”ในทำเนียบ

หากคิดเพียงเท่านี้ “หนู”ที่โตวันโตคืน ใหญ่แซงหน้าไปไกลกว่านี้แน่

และยิ่งไปรวมเสียงกับพรรคอื่นจนกุมเสียงข้างมาก โดยไม่ต้องพึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจทำให้พล.อ.ประยุทธ์ หลุดจากสมการชิงอำนาจไปดื้อ

หากเป็นเช่นนั้นที่หวังว่าจะใช้250 ส.ว.ต่อรอง ก็จะหมดไป

ราชสีห์ต้องออกล่าเหยื่อเองและระมัดระวังไม่ไปติดบ่วงหรือแร้วใคร

จะหวังให้หนูมาช่วยคงหวังยาก

ด้วย หนู พันธุ์ ภูมิใจไทย ใหญ่กว่าราชสีห์ไปแล้ว

——————