ครึ่งปี “รบพิเศษ” คุม “ทัพบก” No problem “บูรพา-เทวัญ” Start “งานปรองดอง” ร้อนๆ

เปลี่ยนผ่าน

ปรัชญา นงนุช

ครึ่งปี “รบพิเศษ” คุม “ทัพบก” No problem “บูรพา-เทวัญ” Start “งานปรองดอง” ร้อนๆ

ครบ 7 เดือน “รบพิเศษ” ผงาดกองทัพบก นำโดย “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ที่ได้ชื่อว่ามาแรงแซงโค้ง “บิ๊กแกละ” พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร คู่แคนดิเดต น้องรัก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ แถมเคยเป็น ผบ.ร.11 รอ. จึงเรียกว่า “บูรพา-เทวัญ”

แต่ทุกอย่างส่งสัญญาณชัดตั้งแต่ให้ “ขุนพลรบพิเศษ” นั่ง 5 เสือ ทบ. ในฐานะผู้ช่วย ผบ.ทบ. แล้ว

พูดกันว่า “การมีแต่บูรพาพยัคฆ์” สั่นสะเทือนเอกภาพใน ทบ. ไม่น้อย

ดังนั้น การให้ “บิ๊กเจี๊ยบ” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. จึงสยบรอยร้าวนี้ลงไปได้ แม้สายบู๊สายบุ๋นรอบกายจะเป็น “บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ” ก็ตาม

ความสัมพันธ์ “บิ๊กป้อม-บิ๊กเจี๊ยบ” ก็ไม่พบรอยร้าวอะไรกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่

ซึ่ง “บิ๊กเจี๊ยบ” ควบตำแหน่งเลขาธิการ คสช. คุมกองกำลังรักษาความสงบทั่วประเทศ ก็รับนโยบายทั้งของนายกฯ และ “บิ๊กป้อม” มาทำทั้งหมด

พร้อมประสานงานใกล้ชิดทั้งหน้างานและหลังงานที่ออกร่วมกัน และ พล.อ.ประวิตร ก็มีท่าทีแซว พล.อ.เฉลิมชัย ในที่ประชุมบ้าง

ในระยะหลังมา เราจะเห็น “บิ๊กป้อม-บิ๊กเจี๊ยบ” พูดคุยกันในงานบ่อยขึ้น ทั้งขณะเดินหรือก่อน พล.อ.ประวิตรขึ้นรถ เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานต่างๆ หรือรับทราบนโยบายที่สั่งการลงมา

“ท่าน (พล.อ.ประวิตร) ก็ให้เกียรติและความเมตตาในการทำงานทุกอย่าง ไม่มีปัญหาอะไร (แค่) เส้นทางชีวิตแตกต่างกัน” พล.อ.เฉลิมชัยเผย

สไตล์รบพิเศษจะทำอะไรต้อง “พิเศษ” เสมอ ภารกิจการลงพื้นที่ของ พล.อ.เฉลิมชัย ก็จะไปอย่างเงียบๆ ทั้งการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และค้างคืนเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กำลังพล เรียกความเชื่อมั่นจากคนในพื้นที่

ภารกิจในกรุงเทพฯ ลงพื้นที่สนามหลวงก็ไปไม่บอกใคร แม้แต่สำนักเลขานุการ ทบ. ก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบ บางครั้งก็แต่งชุดพลเรือนไปกับทหารคนสนิทแค่ 2 คน ด้วยความ “เกรงใจ” และไม่อยากให้กระทบพื้นที่ หากไปแบบแจ้งให้ทราบ ก็ต้องมีคนติดตาม คนไปต้อนรับเยอะ

แต่สิ่งที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” ชื่นชอบและใช้คลายเครียด คือ “ฟุตบอล” ตั้งแต่อยู่ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จนได้ชื่อว่า “เมสซี่เจี๊ยบ”

“ตามสไตล์ของหน่วยรบพิเศษ การเล่นฟุตบอล (ทำให้) ได้คลุกคลีกับผู้ใต้บังคับบัญชา ได้คลุกคลีกับลูกน้อง เวลาทำงานแล้ว สายสัมพันธ์ในทีมสำคัญกว่าสายการบังคับบัญชา อันนี้เป็นพื้นฐาน

“การแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ไม่ได้เน้นแพ้ชนะ สมัยเป็นรองผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับกองพัน ไม่มีไลน์แมน ไม่มีกรรมการ เพราะคนน้อย ออกสนาม เป็นการฝึกพวกเราให้เรียนรู้ และเคารพตัวเอง

“ยอมรับว่าลูกออก ฟาวล์ ล้ำหน้า เป็นการฝึกจิตใจของตัวเอง ให้เรามีน้ำใจเป็นลูกผู้ชายไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น และเราใช้สิ่งนี้ในสนามชีวิตจริงได้ และก็จะเป็นชีวิตของลูกผู้ชายที่ไม่เอาเปรียบสังคม ถ้าทุกคนเป็นแบบนี้ได้สังคมก็จะเป็นสุข” พล.อ.เฉลิมชัยเคยกล่าวถึงกีฬาลูกหนังเอาไว้

“เป็นกีฬาสานสัมพันธ์ แพ้ชนะไม่มีผลอะไร อยากให้พวกเราทุกคนมีความสุข และปลอดภัย ที่สำคัญคือเราต้องรู้ตัวเองว่าไปได้แค่ไหน ควรจะพอใจแค่ไหน จะหมุนเวียน สลับกันเล่นอย่างไร” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวเพิ่ม

ดังนั้น การเล่นฟุตบอล ก็เป็นเครื่องมือที่ ผบ.ทบ. นำมาใช้มองดู “ลูกน้อง” ว่าใครเป็นอย่างไร ใครเหมาะกับงานไหน เหมือนการตีกอล์ฟ แต่การเล่นฟุตบอลจะง่ายกว่าเพราะไม่ต้องไปไหนไกล ไม่ต้องเตรียมพร้อมเท่าตีกอล์ฟ และใช้เวลาน้อยกว่าด้วย

ที่สำคัญการเล่นฟุตบอลกับ “บิ๊กเจี๊ยบ” จะไม่มีแบ่งลำดับขั้น ชั้นยศ ทุกคนเท่ากันหมดในสนาม หรือมีการ “ถอดยศ” ก่อนดวลแข้ง ไม่ต้องส่งลูกเอาใจนาย ไม่ต้องกลัวนายเจ็บ ให้เล่นได้อย่างเต็มที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” แย่งลูก ส่งลูกกับลูกน้องตามปกติ แถมเรียกการจ่ายบอลให้ลูกน้องว่าคือ “การปั้นดารา” ด้วย

สอดรับโครงการสมาร์ตแมนของ พล.อ.เฉลิมชัย ที่อยากให้กำลังพลจริงจังกับการดูแลร่างกายและมีสมรรถภาพที่ดี โดยมีนโยบายกับ ผบ.หน่วยขึ้นตรง ทบ. ถึงการแต่งกาย การรักษาสุขภาพร่างกาย ให้เป็นทหารแท้ๆ ทหารอาชีพ สร้างทหารรุ่นใหม่ และมีการทดสอบร่างกายตามเกณฑ์อายุ

จนมีการไปโยงถึงโครงการออกกำลังกายของนายกฯ ทุกวันพุธบ่ายด้วย ว่าสุดท้ายแล้วใครเลียนแบบใคร ทำเอา “บิ๊กเจี๊ยบ” ต้องออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่เกี่ยวกัน

“ผมไม่ได้เลียนแบบนายกฯ นะ” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวสั้นๆ

ยังไม่จบเท่านั้น ช่วงที่ผ่านมามีการลือแรงว่า “บิ๊กเจี๊ยบ” จะมาเป็น “ตัวตายตัวแทน” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในอนาคต หาก “บิ๊กตู่” วางมือหรือถอดใจระหว่างทาง

เพราะมีการมองถึงเส้นทางการขึ้นสู่ตำแหน่งของ “บิ๊กเจี๊ยบ” จาก “ทหารรบพิเศษ” ที่มาดูแลสถานการณ์ “พิเศษ” ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญและโรดแม็ปช่วงก่อนการเลือกตั้งหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

ตามรอยนายทหารรบพิเศษที่มักจะขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. ในช่วงเวลาสำคัญ

รวมถึงรุ่นพี่รบพิเศษอย่าง “บิ๊กแอ้ด” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่ขึ้นเป็นนายกฯ หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมชัย ก็เป็นลูกป๋าอีกคน ที่ใกล้ชิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ และออกงานกับ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตั้งแต่สมัยเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. โดยเฉพาะงานสานใจไทยสู่ใจใต้ ที่เป็นผู้แทน “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. ไปร่วมงานเสมอ

ล่าสุดกับการเปิดบ้านสี่เสาฯ ให้นายกฯ นำรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ทหาร และ ผบ.เหล่าทัพ เข้ารดน้ำขอพรจาก “ป๋าเปรม”

พรของ พล.อ.เปรม ก็เปรียบเป็นน้ำทิพย์ชโลมหัวใจ พล.อ.เฉลิมชัยได้เป็นอย่างดี

“ทำดีแล้ว เฉลิมชัยทำดี ทำงานของเราไป แบบไม่ต้องออกข่าว โฆษณามากนัก แบบนี้ดีแล้ว” พล.อ.เปรมกล่าว

แนวทางการทำงานเช่นนี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะ พล.อ.เฉลิมชัยไม่อยากเสียเวลาส่วนตัวไป เช่น การไปเดินห้างกับครอบครัว ก็ยังเดินตามปกติ ไม่มีใครจำได้ เพราะไม่ค่อยออกสื่อมากนัก

เวลาเดินห้างก็ไปแบบรบพิเศษ อาศัยเดินตามหลังคนอื่นและเดินเข้าร้านอาหารแทน แต่เข้าไปแล้วทุกคนก้มดูโทรศัพท์อย่างเดียว เลยไม่มีใครเห็นเท่าไหร่

แม้ พล.อ.เฉลิมชัยจะดูนิ่ง สุขุม ใจเย็น แต่เจ้าตัวเคยยอมรับว่า “ตามจริง ผมเป็นคนใจร้อน แต่ดูภายนอกเป็นเหมือนคนใจเย็น แต่เราเก็บเอาไว้ ไม่แสดงออกมา ไม่เชื่อถามหน่อยได้”

“(บิ๊ก) หน่อย” คือ พล.อ.ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เพื่อน ตท.16 ของ พล.อ.เฉลิมชัย ซึ่งเติบโตมาด้วยกันที่รบพิเศษ เป็น ผบ.นสศ. ก่อนจะโยกมานั่งหน้าห้องเพื่อนรักที่ ทบ.

ซึ่งเผยถึงท่าทีเยือกเย็นของ “บิ๊กเจี๊ยบ” ว่า “ด้วยความเป็นครู (รบพิเศษ) จึงทำให้ใจเย็น ไม่แสดงออกมา”

ด้วยระยะเวลา 2 ปีของ พล.อ.เฉลิมชัย ที่จะนั่ง ผบ.ทบ. ก็ไม่สามารถจะแก้ปัญหาให้จบลงได้ทั้งหมด หลายงานเสร็จสิ้น แต่หลายงานต้องส่งต่อ เช่น ปัญหาในพื้นที่จังหวัดภาคใต้หรืองานสร้างความปรองดอง ที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” ย้ำเสมอถึงการ “ใช้เวลา” ที่ต้องอดทนและใจเย็นสูง

“ตราบใดที่เรายังไม่หยุดเดิน เราก็จะถึงเป้าหมาย ก้าวทีละก้าว ก้าวช้าๆ และมีหลักคิด” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว

งาน “ปรองดอง” นี้จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่ขั้นตอนปลายทาง คือ การทำ “ร่างสัญญาประชาคม” หลังรับฟังความเห็นจากกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่จะเสร็จสิ้นในเดือนเมษายนนี้

โดย พล.อ.เฉลิมชัยเป็นประธานคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง จึงจะต้องทำ “ร่างสัญญาประชาคม” ภายหลังรวบรวมความเห็นและพูดคุยกับฝ่ายต่างๆ แล้วเปิดให้สาธารณะได้รับทราบ ก่อนบังคับใช้เพื่อไม่ให้กลับไปขัดแย้งเช่นในอดีต

เปรียบเป็น “เผือกร้อน” อีกชิ้นที่ส่งมายัง “บิ๊กเจี๊ยบ”

น่าจับตาว่านี่จะเป็น “ของร้อน” ที่ดัน ผบ.ทบ.รบพิเศษ ให้ “ขึ้น” หรือ “ลง” กันแน่?