เชิงบันไดทำเนียบ : พยัคฆ์ไม่ตายรัง ! เจ้าป่า ‘รอยต่อฯ’ ประมุข ‘บ้านอัมพวัน’ สู่แม่ทัพ ‘พลังประชารัฐ’

รอยยิ้ม ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่เดินเข้าพรรคพลังประชารัฐครั้งแรก ในตำแหน่ง ปธ.คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคฯ งานนี้ ‘อุตตม สาวนายน’หน.พรรค ถึงกับเผยว่า ‘อุ่นใจ’ ที่ได้ ‘พี่ป้อม’ เข้าพรรค (แบบทางการ) เป็นที่จับตามาตลอดว่า พล.อ.ประวิตร คือ ‘ผู้มีบารมีนอกพรรค’ มาโดยตลอด แม้ พล.อ.ประวิตร จะปฏิเสธเพราะเกรงเข้าข่าย ‘ครอบงำพรรค’ แต่ในวันนี้สามารถเปิดหน้าได้ชัดเจน นับตั้งแต่สมัครสมาชิกพรรค แล้วไปเป็นประธานปิดการสัมมนาพรรคที่วังน้ำเขียว โคราช เมื่อเดือนที่ผ่านมา
.
จากหลังม่านมาสู่หน้าม่าน พล.อ.ประวิตร หลีกเลี่ยงการกรำศึก ‘รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ’ ไม่ได้ ที่จะต้องสมานใจกับพรรคร่วมรัฐบาลให้ดี รวมทั้งการสลายก๊กในพรรคที่เคยแผลงฤทธิ์ให้เห็นมาแล้วช่วงการจัดตั้งรัฐบาล เห็นได้จากที่ พล.อ.ประวิตร อยู่ระหว่างการฟอร์มทีมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ที่มีชื่อ ‘เสี่ยแฮงค์’อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ปธ.ยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคกลาง จะได้เป็น รองปธ.ยุทธศาสตร์พรรค ซึ่ง ‘เสี่ยแฮงค์’ เป็นแกนนำกลุ่มสามมิตร ที่หลุดเก้าอี้รัฐมนตรี จนทำให้ ส.ส.กลุ่มสามมิตร กว่า 30 คน เคยออกมาล่ารายชื่อถอดถอน ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ ออกจากการเป็น เลขาฯพรรค มาแล้ว

อีกทั้งยังมีชื่อ ‘เสี่ยเฮ้ง’สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ปธ.ส.ส.พรรค ที่มีบทบาทสำคัญในการคุมแถว 16 ส.ส.ภาคกลางและภาคตะวันออก ก็มีชื่อมาร่วมทีมยุทธศาสตร์ด้วย รวมทั้ง ‘วิรัช รัตนเศรษฐ’ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ปธ.วิปรัฐบาล ที่ดูแลพื้นที่อีสานใต้ ก็จะมาร่วมทีมยุทธศาสตร์ด้วย โดยทั้ง ‘เสี่ยเฮ้ง – วิรัช’ ได้ชื่อว่าเป็นสายตรง พล.อ.ประวิตร ด้วย
.
แน่นอนว่าภารกิจสำคัญของ พล.อ.ประวิตร คือการเข้ามาสลายก๊กในพรรค โดยมี ‘มือขวา’ คนสำคัญอย่าง ‘ผู้กองมนัส’ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ปธ.ยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ที่เป็น ‘มือประสานสิบทิศ’ ให้ทั้งในและนอกพรรค ในการเคลียร์ใจสยบความเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ‘ผู้กองมนัส’ ก็รับภารกิจ ว.5 มาหลายงาน ด้วยฝีมือและบทพิสูจน์ต่างๆก็ทำให้ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างไว้ใจ จึงมีการจับตาถึงบทบาทในพรรคของ ‘ผู้กองมนัส’ ในอนาคตด้วย

แต่รอยร้าวในพรรคนั้นเกินมือ ‘4กุมาร’ ที่นำโดย ‘อุตตม-สนธิรัตน์’ ที่จะสมาน การเข้ามาของ พล.อ.ประวิตร เพื่อสมานรอยร้าวในพรรคนั้น อาจเรียกได้ว่า พล.อ.ประวิตร เป็น ‘หน.พรรคตัวจริง’ เลยก็ว่าได้ พร้อมกับวางยุทธศาสตร์พรรคไว้ว่า จะต้องได้ ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเกินครึ่งหนึ่ง โดยจะต้องรักษาฐานที่มั่นเดิมให้ได้ และรัฐบาลชุดนี้จะต้องอยู่ครบวาระ 4 ปีด้วย
.
ด้วยบารมีของ พล.อ.ประวิตร ที่เบนเข็มออกมาจากทหาร-ตร. หลัง พล.อ.ประยุทธ์ นั่ง รมว.กลาโหม และ ประธาน ก.ตร. เอง ก็เท่ากับว่าอำนาจการตัดสินใจต่างและการแต่งตั้งโยกย้ายอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมด แต่เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตร ยังคงเป็นผู้ช่วยและอยู่เบื้องหลัง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็เคยออกตัวแล้วว่าจะช่วย นายกฯ ดูกิจการ ตร. ด้วย สิ่งเหล่านี้ก็สะท้อนผ่านนายทหาร-ตร. ที่เข้าอวยพรวันเกิด พล.อ.ประวิตร อายุครบ 74 ปี เมื่อ 11ส.ค.ที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ชื่อว่าเป็น ‘ผู้มากคอนเนคชั่น’ โดยมีฐานที่มั่นผ่านมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ในส่วนของการเมือง พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ยุครัฐบาลทักษิณ โดย พล.อ.ประวิตร มีเพื่อน ตท.6 เชื่อมสัมพันธ์กับสายการเมือง คือ‘บิ๊กกี่’พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่เป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญ โดย พล.อ.ประวิตร ได้รับการผลักดันขึ้นเปHน ผบ.ทบ. จาก ‘บิ๊กเหวียง’พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม ที่เป็นนายทหาร ‘สาย บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ’ ในขณะนั้น โดยมี พล.อ.นพดล เป็น หน.นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม (พล.อ.เชษฐา)
.
ถือเป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประวิตร ได้รู้จักนักการเมือง ไม่นับรวม ‘ป๋าเหนาะ’นายเสนาะ เทียนทอง เจ้าพ่อวังน้ำเย็น ที่ พล.อ.ประวิตร ก็รู้จักตั้งแต่เป็นนายทหารภาคตะวันออก ที่ ร.2 พัน.2 รอ. , ร.12พัน.3 รอ. , ผู้การ ร.12 รอ. และ ผบ.พล.2 รอ.

มาถึงยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ พล.อ.ประวิตร ถูกเชิญมาเป็น รมว.กลาโหม โดยมี พล.อ.นพดล นั่งเป็น เลขานุการ พล.อ.ประวิตร ในขณะนั้น ทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้ชื่อว่าเป็น ‘รมว.กลาโหมตลอดกาล’ เพราtหากรวม 2 รัฐบาล นั่งเป็น รมว.กลาโหม นานกว่า 8 ปี จนล่าสุด พล.อ.ประวิตร ถึงกับกล่าวว่า ‘พอแล้ว’ หลังสื่อแซวให้นั่งไปให้ถึง 10 ปี ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะควบ รมว.กลาโหม แทน
.
ไม่ใช่แค่ถนนการเมืองเท่านั้นที่ พล.อ.ประวิตร แผ่ฐานบารมี ย้อนกลับไป 2 ปีก่อน คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย มีมติเป็นเอกฉันท์เลือก พล.อ.ประวิตร เป็น ปธ.บอร์ดโอลิมปิกไทยคนใหม่ หรือ ‘ประมุขแห่งบ้านอัมพวัน’ คนที่ 7 มีวาระการทำงานระหว่างปี 2560-2564 แทน ‘บิ๊กอ๊อด’พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ประกาศวางมือ หลังจากดำรงตำแหน่งมา 4 สมัย 16 ปี ด้วยข้อจำกัดของสุขภาพ แล้วไปเป็น ปธ.กิตติมศักดิ์ฯ แทน และยังมี พล.อ.เชษฐา เป็น ปธ.กิตติมศักดิ์ ด้วย
.
โดยมี ‘บิ๊กน้อย’พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานที่ปรึกษา ทบ. นายทหารคนสนิท พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ประสานงานคนสำคัญ ในฐานะผู้ช่วยเหรัญญิก บอร์ดโอลิมปิกฯ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิร ยังเป็น นายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯด้วย
.
ก่อนหน้านี้ พล.อ.วิชญ์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ‘เลขาธิการบอร์ดราชตฤณมัยฯ’ หรือสนามม้านางเลิ้ง แทน ‘เสธ.อ้าย’พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่ครองเก้าอี้มายาวนาน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าตำแหน่งที่มีอำนาจตัดสินใจอยู่ที่เลขาธิการ โดย ‘เสธ.อ้าย’ ไปนั่งรองประธานบอร์ดราชตฤณมัยสมาคมฯแทน และตั้ง ‘บิ๊กตุ๊ด’พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตรอง ผบ.ทบ. เพื่อน เสธ.อ้าย ตท.1 ขึ้นเป็นประธานบอร์ดฯ

ในช่วงนั้นก็ได้ ‘บิ๊กโจ๊ก’พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. ในขณะนั้น มาปราบโต๊ดเถื่อน-มาเฟียในสนามม้านางเลิ้งด้วย ทำให้มีการมองว่า พล.อ.ประวิตร ได้ขยายฐานอำนาจเข้าไปในสนามม้านางเลิ้งหรือไม่ จนถึงช่วง ก.ย.61 ที่สนามม้านางเลิ้งปิดตัวลง พร้อมกับการจบบทบาทไปของบอร์ดบอร์ดราชตฤณมัยฯโดยปริยาย
.
โดย ‘เสธ.อ้าย’ ก็ไปทำงานใน สมาคมไทย-จีน ในฐานะนายกสมาคม ส่วน พล.อ.วิชญ์ ก็ทำงานในวงการกีฬาต่อไปทั้งใน บอร์ดโอลิมปิกไทย และ คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ด กกท. หลังพึ่งได้รับแต่งตั้งเป็น ปธ.อนุกรรมการกลั่นกรองการเสนอเรื่องฯ
.
ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพ ‘พยัคฆ์ไม่ตายรัง’ ด้วยบารมีของ พล.อ.ประวิตร ที่มากคอนเนคชั่น แม้จะไม่ได้คุมกองทัพ-ตร.เช่นเดิม จึงเป็นการเบนเข็มมาสู่สนามการเมืองและวงการกีฬาแทน ในสถานะใหม่ ที่ พล.อ.ประวิตร ยอมรับว่าเป็น ‘นักการเมือง’ แล้ว