“ช่อ” พรรณิการ์ “อนาคตใหม่” ทวงสิทธิ-เสียง กำหนดชะตาประเทศไทย เปิดเกมรบ คสช. แก้รัฐธรรมนูญ-ล้างมรดกรัฐประหาร

ปิยะ สารสุวรรณ / รายงาน


สมรภูมิการเมือง-ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า หากเป็นไปตามโรดแม็ป-คำสัญญา คือ “เร็วที่สุด” วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 หรือ “ช้าที่สุด” วันที่ 5 พฤษภาคม 2562 มีพรรคการเมืองหน้าสด-ใหม่ 1 พรรค “เจิดจรัส” บนสนามการเมือง

พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พรรคการเมือง “อนาคตไกล” มีนักการเมือง “ดาวรุ่ง” ในพรรคเต็มอัตราศึก-ตึกไทยซัมมิทคือ “ที่ทำการชั่วคราว” โดยมี Plan ย้ายไป-เป็น “กองบัญชาการถาวร” บริเวณเกียกกาย-ใกล้รัฐสภาใหม่

“เว็บไซต์ของเราจะเป็นสำนักงาน เป็นออฟฟิศที่แท้จริงของพรรค คนที่อยากมีส่วนร่วมกับเราสามารถทำทุกอย่างได้ผ่านเว็บไซต์ เราจะมี Forum แลกเปลี่ยนนโยบาย การศึกษา เศรษฐกิจ ไปจนถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับยกร่างใหม่”

“ยังมี Application ให้สมาชิกพรรคโหวตออนไลน์ ข้อบังคับพรรคจะเปิดให้มีการทำประชามติออนไลน์ สมาชิกพรรคสามารถเสนอนโยบายต่อพรรคได้”

“ช่อ” พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แจกแจงโครงสร้าง-กลไกพรรคเพื่อรองรับการมีสิทธิ-มีเสียงอย่างแท้จริง เพราะเป็นประชาธิปไตย “ขั้นปฐมภูมิ” ที่เบสิกที่สุด

เธอบอกว่า การเปิดเวทีอย่างไม่เป็นทางการถือเป็นช่องทางหนึ่ง รวมถึงช่องทางสื่อออนไลน์ สามารถแสดงความคิดเห็นโดยตรงทางเว็บไซต์และจะเปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการในวันเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการประมาณเดือนกันยายน

“3 เดือนที่ผ่านมา น่าพอใจมากสำหรับการเปิดตัวพรรค ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จ แต่น่าพอใจตรงที่คนอยากมีส่วนร่วมกับเรามากขนาดนี้ ทำให้คนตื่นตัวทางการเมือง”

 

นอกจากไปในพื้นที่จริงและพื้นที่เสมือนจริง-โซเซียลมีเดียแล้ว “ช่อ” แย้มการทำงานของอนาคตใหม่ว่า ยิ่งใกล้แคมเปญเลือกตั้ง เราจะทำกิจกรรมที่ทำให้คนมีสิทธิ มีเสียงเพื่อมีส่วนร่วมในการกำหนดเป็นนโยบายออกมามากขึ้น

“แน่นอนว่าก่อนเลือกตั้งต้อง Active มากเพราะเป็นช่วง Rally ช่วงหาเสียง แต่หลังเลือกตั้งจะไป Active อีกแบบ ถ้าคุณมี ส.ส. ในสภาอย่างน้อย 25 ที่นั่งขึ้นไป สามารถเสนอกฎหมายได้ เสนอชื่อนายกฯ ได้ อาจจะ Active ยิ่งกว่านี้”

“ต้องทำควบคู่กันคือ งานในพื้นที่ผ่านเครือข่ายของพรรค กรรมการจังหวัด ผู้ปฏิบัติงานอำเภอและตำบลเพื่อรับฟังประชาชนแบบดั้งเดิมและมีระบบ Report กลับมายังส่วนกลาง”

“ช่อ” มั่นใจว่า โครงสร้าง-เครือข่าย-ระบบออนไลน์ที่วางไว้เพื่อกลับไปสู่การเริ่มต้นคือ “ทุกเสียงมีความหมาย” ประชาชนมีอำนาจ “กำหนดอนาคตประเทศ” – “กำหนดอนาคตของตัวเอง”

“แน่นอนไม่สามารถทำตามได้ทุกเสียง แต่ทุกเสียงต้องได้รับการฟัง ทุกเสียงมีความหมาย เราสามารถฟังและหาสิ่งที่อย่างน้อยเสียงจำนวนมากในสังคมที่เห็นตรงกันได้”

 

สําหรับแนวนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ คือ นโยบาย 3 ป. ได้แก่ ปลดล็อก ปรับโครงสร้างและเปิดโอกาส โดยตั้ง “เป้าหมาย” อย่างน้อยที่สุดต้องมี ส.ส. ในสภา 25 ที่นั่งเพื่อมีสิทธิเสนอกฎหมาย-เสนอชื่อนายกฯ

นอกจากงานการเมืองเชิงนโยบาย-กระจายอำนาจทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามองแล้ว งานการเมืองเชิงสัประยุทธ์ของพรรคอนาคตใหม่ก็ถูกจับตามองเช่นกันคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ-ยกร่างใหม่ทั้งฉบับและทำหมันรัฐประหาร

“การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเกมยาวมาก ต้องใช้พลังอำนาจทางการเมืองสูงเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชามติและลบล้างสิ่งที่เรียกว่ามรดกคณะรัฐประหารชิ้นนี้ ถามว่าต้องทำไหม ต้องทำ”

“ฉีกรัฐธรรมนูญไปเลยฉีกได้ ถ้าเราเป็นทหาร แต่ถ้าเราพูดว่าไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านรัฐบาลทหาร เราคงไม่คิดว่าต้องทำด้วยวิธีเดียวกัน วิธีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญโดยสันติ ยาก ยาวและเหนื่อย แต่ต้องทำ”

“เป็นวิธีเดียวที่จะปลดแอกจากมรดกรัฐประหารได้ โดยวิธีการที่เป็นประชาธิปไตยและสันติวิธี โดยทุกคนยอมรับร่วมกันได้ เพราะการใช้เวลานานในการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งเกิดและไม่เปิดโอกาสให้เกิดความไม่สงบ”

เธอสามารถพูดได้เต็มคำว่า การเลือกพรรคอนาคตใหม่เปรียบเสมือนเป็น “ฉันทานุมัติ” และนโยบายหลักของพรรคเพื่อนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ

 

ทว่า “จุดอ่อน” ของพรรคอนาคตใหม่-อาจถูกนำมาบั่นทอนความชอบธรรม คือ เป็นพรรคสาขา-ฝาแฝดพรรคเพื่อไทยที่ถูกประทับตราว่า เป็น “ชนวนความขัดแย้ง” ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

“ทุกคนมีสิทธิที่จะมองและแสดงความเห็นแต่เชื่อว่าเมื่อ คสช. ปลดล็อก 100% จะพิสูจน์ตัวเองได้ ประชาชนจะเห็นเองเพราะมีวิจารณญาณพอว่าเราเป็นการเมืองใหม่ หรือเพียงแค่เปลี่ยนหน้าคนเล่น เป็นพรรคสาขาของเพื่อไทยจริงหรือไม่”

“ถ้าจะให้ตอบประเมินตัวเอง อาจจะไม่ Fair เราเชื่อว่าที่เราทำมาทั้งหมด 80% ไม่มีใครทำ เราไม่ได้กังวลว่าสิ่งที่ทำจะไปเหมือนหรือไม่เหมือนใคร แต่เป็นสิ่งที่ควรทำและไม่กลัวว่าสิ่งที่ทำกันมาแล้วคือสิ่งที่ดี นโยบายที่ดี ควรมีต่อไป”

“อะไรไม่ดีก็ต้องเปลี่ยน เราไม่ใช่พรรคการเมืองที่ถ้าพรรคการเมืองอื่นทำดี ทำไม่ได้เพราะเดี๋ยวเสียคะแนน เพราะเดี๋ยวคนจะบอกว่าไม่ดี พรรคเราไม่ใช่แบบนั้น ถ้าทำดีก็บอกว่าดี”

“หน้าที่ของพรรคการเมืองคือ คุณจะทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นอย่างไร เพราะไม่มีอะไรที่ดีอยู่แล้ว 100% แต่ต้องการการต่อยอดพัฒนาให้ดีขึ้นไป”

“คนจะมองเป็นพรรคตัวแทน เป็นพรรคสาขาของพรรคใด ประชาชนรู้ ตกลงพรรคไหนเป็นสาขาของพรรคไหน เป็นนอมินีพรรคไหน เป็นนอมินีของใคร” ก่อนที่เธอจะเล่นบทโฆษกพรรคอนาคตใหม่ได้อย่างเฉียบ-แทงทะลุพรรคทหาร-นอมินี คสช.

“กรณีพรรคทหาร ประชาชนรู้ว่าพรรคไหนสนับสนุนทหาร พรรคนอมินี การซื้อขายอดีต ส.ส. เกิดขึ้นเพราะอะไร ประชาชนรู้ ประชาชนไม่ได้โง่ ผลงาน นโยบาย การไปพูดคุยกับประชาชนจะพิสูจน์ตัวเองว่า พรรคไหนควรค่าต่อการเลือก”

“สุดท้ายแม้ว่าคุณจะเป็นนอมินีของใคร ตัวแทนใคร บางพรรคเป็นนอมินีทหารจริงแล้วประชาชนรู้ว่าเป็นพรรคนอมินีทหาร แต่ประชาชนจะเลือกพรรคนี้ อยากจะเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาอีกรอบหนึ่ง ก็ Fair”

“แต่สิ่งที่เราเรียกร้องมาตลอดคือ พรรคการเมืองต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจน อย่าอีแอบ อย่ามาหลบๆ ซ่อนๆ อย่ามาลับลวงพราง เพราะประชาชนรอฟังคุณว่าคุณจะสนับสนุนใคร พรรคเราไม่เคยปิดบัง”

“พรรคการเมืองต้องมีจุดยืน เฉดสีชัดเจน ตกลงคุณอยู่ฝั่งไหน สนับสนุนใคร ไม่สนับสนุนใคร นโยบายหลักคืออะไร เป้าหมายหลักคืออะไร เพื่อที่ประชาชนจะตัดสินใจ”

 

“โฆษกอนาคตใหม่” ประกาศว่า บนสนามการเมือง “คู่แข่ง” ของพรรคอนาคตใหม่ คือ “ทุกพรรค” แต่ไม่เป็นศัตรูกับใคร

“แข่งกับทุกพรรคแต่ไม่เป็นศัตรู ไม่จ้องทำลายล้างพรรคอื่น แข่งกันด้วยนโยบาย ทำงานเพื่อแย่งชิงประชาชนจากทุกพรรค เพื่อให้ประชาชนมากที่สุดเลือกเรา สุดท้ายทุกพรรคคือองค์กรที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศนี้”

ส่วนพรรคอนาคตใหม่จะจับ-ไม่จับมือพรรคไหนใด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน-รัฐบาล เธอพูดเสียงดัง-ฟังชัดว่า ต้องมีเงื่อนไข-อุดมการณ์-นโยบายตรงกันและต้องเปิดเผยต่อประชาชน และความเป็นไปได้ที่จะต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ในเกมเลือกตั้ง

“ถามว่ามีโอกาสที่พรรคเราจะร่วมกับพลังประชารัฐได้หรือไม่…ได้ แต่พลังประชารัฐต้องไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และจะแก้รัฐธรรมนูญ ประชาธิปัตย์จะเอาคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ และแก้รัฐธรรมนูญก็ร่วมกันได้”

“ลาออกตอนนี้และเปิดตัวเป็นผู้สมัคร มีรัฐบาลรักษาการที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพราะไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมาด้วยวิธีนายกฯ ใน-นอกบัญชี ประชาชนรู้อยู่แล้วว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ”

“ช่อ” พรรณิการ์ กับ “อนาคตใหม่” บนเวทีการเมือง