อาชญากรรม : ปิดฉากคดีหวย 30 ล. ป.บุกจับ “ครู-บ้าบิ่น” “จรูญ” อวยพรโชคดี สั่งเด้ง ผบก.กาญจน์

เดินมาถึงบทสรุปแล้วสำหรับคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามสรุปคดีชัดเจน

ว่าลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลดังกล่าวเป็นของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ที่เป็นผู้นำสลากไปขึ้นรางวัล

ขณะที่ ผบช.ก. และ ผบก.ป. ก็รุดยื่นขอศาลอนุมัติหมายจับครูปรีชา ใคร่ครวญ และเจ๊บ้าบิ่นแม่ค้าขายหวย

ในข้อหาแจ้งความเท็จ!!

พร้อมคุมตัวนายปรีชาพาค้นบ้านพักอาศัยเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม

แน่นอนว่ายังคงมีอีกหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อสู้คดีในชั้นศาล กรณีความผิดอาญา

รวมทั้งคดีแพ่ง ที่นายปรีชาฟ้องเรียกร้องทรัพย์สินคืน ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาล

แต่ความจริงเท่าที่ปรากฏ ก็ชัดเจนพอสมควร

ว่าใครจริง ใครเท็จ!!?

“บิ๊กแป๊ะ” แถลงปิดหวย 30 ล้าน

หลังจากถกเถียงกันมายาวนานว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของสลากรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 หมายเลข 533726 จำนวน 5 ใบ รางวัลมูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล นายตำรวจเกษียณ ซึ่งพลิกผันไปมาหลายตลบ

ไล่ตั้งแต่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และตำรวจ บช.ภาค 7 แถลงระบุว่าสลากกินแบ่งเป็นของครูปรีชา พร้อมจะแจ้งข้อหาดำเนินคดี ร.ต.ท.จรูญ ฐานยักยอกทรัพย์ นำมาซึ่งการร้องเรียนต่อกองปราบปราม จนกระทั่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งโอนคดีให้กองปราบปรามรับผิดชอบ

ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสอบพยานแวดล้อมใหม่ทั้งหมด ก็พบความจริงในอีกรูปแบบหนึ่ง พร้อมนัดแถลงชี้แจงเรื่องทั้งหมดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์

เมื่อวันดีเดย์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็แถลงสรุปคดี โดยระบุว่า คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน เป็นคดีความระหว่างครูปรีชากับ ร.ต.ท.จรูญ เป็นทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง สังคมเกิดความสงสัยว่าใครคือเจ้าของครอบครองสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวกันแน่ แต่ต้องขอสงวนบางประเด็นที่อาจจะกระทบต่อรูปคดี ตำรวจมีหน้าที่ดำเนินคดีอาญา

ซึ่งล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับนายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ใน 3 ข้อหา คือ แจ้งความเท็จ ให้การเท็จ และกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมตัวเพื่อดำเนินดคี

ส่วนเรื่องคดีแพ่ง คู่กรณีไปฟ้องร้องกันเอง ตำรวจไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่กล้าก้าวล่วงในส่วนตรงนั้น และไม่มีหน้าที่ไปชี้ว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริง เป็นเรื่องทางแพ่งว่าใครคือเจ้าของ ใครคือผู้ครอบครอง

แต่ขอยกคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2578/2530 ว่า “เงื่อนไขการรับรางวัลที่ได้ระบุไว้หลังสลากกินแบ่งทุกฉบับว่า เงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่มีไว้แจกจ่ายเงินให้กับผู้ถือสลาก ที่แท้จริง ป้องกันการทุจริต แอบอ้างมารับเงิน เพื่อให้มีหลักฐานในการจ่ายเงินแก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้น”

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งอัยการสูงสุด ชี้ขาดไม่ฟ้องคดี ว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ใช่ทรัพย์มีทะเบียน ผู้ใดครอบครองย่อมเป็นเจ้าของ โดยไม่ต้องจัดให้มีการลงชื่อก่อนซื้อ เหมือนกู้เงินสหกรณ์หรือการเข้าพักโรงแรม จึงระบุตัวผู้ซื้อและขายจำเพาะเจาะจงได้ยาก แม้ซื้อมาแล้วก็แบ่งหรือขายให้ผู้อื่นได้ ไม่จำต้องขออนุญาตเหมือนอาวุธปืน ซึ่งทรัพย์เมื่อตกหล่นสูญหาย เจ้าของทรัพย์ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานทันที

แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าแจ้งความลงหมายเลขสลากและหมายเลขชุดสลากไว้ก่อน กลับแจ้งความในภายหลังจากที่ประกาศผลรางวัลแล้ว คดีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของสลากและได้ทำสลากหายจริงหรือไม่

เมื่อไม่มีพยานอันหนักแน่นเพียงพอ ผู้ครอบครองสลาก จึงเป็นผู้มีสิทธิดีกว่า

พอเข้าใจได้แล้วว่าหวยเป็นของใครกันแน่

จับ “ครู-เจ๊” สอบกองปราบฯ

ขณะที่การดำเนินการ ก่อนการแถลงสรุปคดี พล.ต.อ.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ก็ยื่นขอศาลอนุมัติหมายจับนายปรีชา และเจ๊บ้าบิ่น เมื่อศาลอนุมัติหมายจับแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ไปตามประกบนายปรีชาตั้งแต่ที่บ้าน จนไปถึงโรงเรียนเทพมงคลรังษี ก็แสดงตัวเข้าจับกุมทันที

ก่อนนำตัวไปค้นบ้านตามหมายค้นจากศาล แล้วคุมตัวเข้าสอบสวนที่กองปราบปราม เช่นเดียวกับเจ๊บ้าบิ่น ที่ถูกตำรวจประกบตั้งแต่เช้าเช่นกัน

โดยทั้งคู่ยังยืนยันชัดเจนว่าเป็นเจ้าของสลากตัวจริง และพร้อมพิสูจน์ในชั้นศาล และยังมีพยานอีกมากที่จะเปิดเผย

ขณะที่ พล.ต.อ.ฐิติราช ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.ท.จรูญ ไม่สามารถให้รายละเอียดอ้างอิงได้ ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ แต่ฝ่ายครูปรีชามีพยานหลักฐานนำให้ตำรวจ จึงเท่ากับว่า ร.ต.ท.จรูญตัดโอกาสตัวเอง ไม่มีหลักฐาน พยานรองรับ

แต่เมื่อตรวจสอบคำกล่าวอ้างของนายปรีชา พบว่ามีข้อขัดแย้ง ไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ระบุว่า ฝากถึงนายปรีชาด้วยว่า ที่ว่ามีหลักฐานเด็ด ให้เอาออกมาให้หมด เอามาชี้แจงในชั้นนี้เลย มีคลิป หมัดเด็ดมีไม้เด็ดอะไรงัดเอามาเลย

ทั้งนี้ รายงานการสอบสวนพบว่าส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การออกหมายจับ คือการให้การที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง อาทิ นายปรีชาอ้างว่าซื้อลอตเตอรี่จากเจ๊บ้าบิ่นที่ตลาดเรดซิตี้ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 แต่ข้อเท็จจริงพบว่านายปรีชาไปตลาดวันที่ 27 ตุลาคม 2560 มีหลักฐานการกดเอทีเอ็ม อีกทั้งวันที่ 31 ตุลาคม พบว่านายปรีชาไม่ได้ไปที่ตลาด

ส่วน ร.ต.ท.จรูญ ก็เปิดใจว่าพอใจกับการแถลงข่าวของ ตร. รู้สึกหายเหนื่อย มีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อสู้คดีต่อไป เงินที่ถูกอายัดไว้นั้น หากได้กลับคืนมาเมื่อไหร่ สิ่งแรกที่จะทำก็คือการนำไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร และขออโหสิกรรมให้แก่คู่กรณีตลอดจนผู้ที่มีส่วนร่วมทุกคน ให้จบสิ้นกันไปเสียที

พร้อมฝากบอกครูปรีชาหลังจากนี้ว่า “ขอให้โชคดี”

เด้ง ผบก.-สงสัยพัวพันคดี

นอกจากการดำเนินคดีกับทั้งสองคน ยังลุกลามไปถึงตำรวจที่รับผิดชอบคดี โดยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มีคำสั่ง ศปก.ตร. ที่ 10/2561 ลงนามโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรจำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด

เนื่องจากการสืบสวนแล้วพบว่า พล.ต.ต.สุทธิ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงต้องสั่งให้ย้ายออกเพื่อเปิดทางให้มีการสืบสวนสอบสวน และไม่ให้ใช้อำนาจหน้าที่ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

โดย พล.ต.ต.สุทธิ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดี ตั้งแต่ สภ.เมืองกาญจนบุรีรับเรื่องร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 1751/60 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ด้วยการเรียกตัวร้อยเวรให้นำสำนวนไปให้ตรวจหลายครั้ง ทั้งที่บ้านพัก และที่ทำงาน พร้อมทั้งสั่งการด้วยวาจาให้พยานสอบสวนพยานปากต่างๆ ให้กลมกลืน

จึงมีการแก้ไขบันทึกคำให้การเดิมของนายปรีชา น.ส.รัตนาพร และ น.ส.พัชริดา โดยเพิ่มข้อเท็จจริงลงในคำให้การเดิมที่สอบสวนไว้ครั้งแรก เพื่อให้เห็นว่ามีการกล่าวถึงพยานหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนตั้งแต่สอบสวนครั้งแรก โดยแก้ไขลักษณะดังกล่าวหลายครั้ง ส่วนคำให้การเดิมได้ฉีกทิ้ง ซึ่ง พล.ต.ต.สุทธิทราบกระบวนการทั้งหมดแต่ไม่ได้ทักท้วง

ต่อมาเมื่อมีคำสั่ง ภ.จว.กาญจนบุรี และ บช.ภาค 7 แต่งตั้งพนักงานสอบสวนใหม่ แต่สำนวนก็ยังอยู่ในมือร้อยเวรคนเดิม

ซึ่งเมื่อพนักงานสอบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี มารับผิดชอบ ก็ยังมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การ รวมทั้งพนักงานสอบสวนของ บช.ภาค 7 ก็ทราบเรื่องด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ แถมยังมี พล.ต.ต. คนหนึ่งระบุว่าเมื่อทำไปแล้วเดี๋ยวหาทางแก้ไข

นอกจากนี้ เมื่อกลางเดือนมกราคม 2561 พนักงานสอบสวน บช.ภาค 7 มีความเห็นส่งซองพลาสติกบรรจุสลากที่มีลายมือเขียนราคาสลากไว้ ไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นลายมือของ น.ส.พัชริดา หรือไม่

ซึ่งซองดังกล่าว ร.ต.ท.จรูญนำมามอบไว้เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 แต่ต่อมาวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 พบว่าลิ้นชักโต๊ะทำงานถูกรื้อค้นและซองพลาสติกดังกล่าวหายไป

เมื่อรายงานให้ที่ประชุมรับทราบ จึงเปลี่ยนมติไม่ส่งซองพิสูจน์ และไม่มีการบันทึกการประชุมไว้เป็นหลักฐาน

อีกทั้งยังพบการเพิ่มพยานบุคคล คือนางดุษดี หรือกุ้ง ถิ่นทุ่งทอง เจ้าหน้าที่ศาล ที่อ้างว่าเห็นสลากที่มีเลขท้าย 726 แลบออกมาจากกระเป๋านายปรีชา

พฤติการณ์เชื่อมโยงทั้งหมดส่งผลต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก เพราะทำให้พยานหลักฐานของฝ่ายนายปรีชามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อความเห็นทางคดีของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ

และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดีชั้นศาลได้

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ร.ต.ท.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองปราบปราม โดยขาดจากต้นสังกัดเดิม

เป็นพยานปากเอกที่คลี่คลายทุกอย่าง