แฟ้มข่าวเศรษฐกิจ : ลุ้นตั๋วบินโลว์คอสต์ถูกอีก / ธปท.คุมเข้มแบงก์ขายผลิตภัณฑ์การเงิน / รัฐพร้อมรับมือน้ำมันขาขึ้น

ชี้บาทแข็งฉุดส่งออก

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ได้สมมุติฐานคาดการณ์การส่งออกไทยปี 2561 ไว้ 3 กรณี โดย 50% โอกาสเกิดได้มากสุด คือการส่งออกไทยขยายตัว 6.3% มีมูลค่า 252,557 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวต่ำลงกว่าปี 2560 ที่ขยายได้ 10.3% และมีมูลค่า 237,597 ล้านเหรียญสหรัฐ โอกาส 30% คือการส่งออกไทยจะแย่ลงเหลือ 4% มูลค่า 247,163 ล้านเหรียญสหรัฐ หากเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3% ค่าเงินบาทแข็งระดับ 31.1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ การไม่ตอบรับการปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ เป็นต้น และโอกาส 20% คือ เศรษฐกิจโลกโต 3.2% ค่าเงินบาท 32.2 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จีนยังนำเข้าสินค้าไทยปกติ และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าขยายตัวตามเป้าหมาย การส่งออกไทยจะขยายตัวถึง 7.9% มีมูลค่า 256,318 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ขณะนี้ที่น่าห่วงคือผลกระทบจากแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าระดับ 31.8 บาท ถือว่าแข็งค่าสุดในรอบ 5 ปี และประเมินว่าปี 2561 ค่าบาทจะแข็งค่ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน 4% จะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย ลดลง 1.6% หรือมูลค่าส่งออกหายไปกว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งสิ่งที่เอกชนต้องการคือ ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเร็ว และแข็งค่าสอดคล้องกับภูมิภาค

รัฐพร้อมรับมือน้ำมันขาขึ้น

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้อ้างอิงตลาดเบรนต์ทรงตัวอยู่ในระดับสูง 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนขึ้นไปแตะที่ระดับ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในระยะสั้น หากเกิดสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศจนส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันของโลก ทั้งนี้ ผลที่จะกระทบต่อไทยขณะนี้ยังไม่มาก เพราะเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1 บาทต่อลิตร แต่หลังจากนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานยืนยันว่ามีมาตรการดูแลให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ารัฐบาลพร้อมรับมือ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน แต่ไม่ใช่การตรึงราคาขายปลีกน้ำมัน อาทิ ดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 27-28 บาทต่อลิตร เพราะเห็นว่าความจำเป็นในการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไว้ไม่ให้เกินระดับ 30 บาทต่อลิตร ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจรวมถึงระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ทำการศึกษาแนวทางการดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันเพื่อเตรียมนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบในการประชุมครั้งถัดไป ในเร็วๆ นี้

ลุ้นตั๋วบินโลว์คอสต์ถูกอีก

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า กพท. จะเสนอเรื่องการกำหนดเพดานราคาสูงสุดสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำให้คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ที่มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิจารณาอนุมัติ โดยจะมีการกำหนดให้สายการบินต้นทุนต่ำเก็บค่าโดยสารได้สูงสุดไม่เกิน 9.40 บาท/กิโลเมตร (ก.ม.) จากปัจจุบันกำหนดไว้สูงสุดเท่าสายการบินแบบฟุลเซอร์วิส คือไม่เกิน 13 บาท/ก.ม. ซึ่งขั้นตอนต่อไปหลัง กบร. อนุมัติ ต้องรอการลงนามจากรัฐมนตรีเพื่อประกาศเป็นกฎกระทรวง คาดว่าจะใช้เวลา 30 วันหลังอนุมัติ จึงจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ในประกาศกฎกระทรวงนอกจากประกาศราคาขั้นสูงแล้ว ยังจะระบุอย่างชัดเจนว่าสายการบินแบบฟุลเซอร์วิส จะต้องมีบริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม, ให้บริการน้ำหนักกระเป๋า และที่สำคัญให้ผู้โดยสารสามารถคืน หรือเปลี่ยนตั๋วโดยสารได้

ปตท.ทุ่มลงทุนระยะ 5 ปี 1.2 ล้านล้าน

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนของกลุ่ม ปตท. 5 ปี (2561-2565) ว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 1.21 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นงบฯ การลงทุน ปตท. 3.42 แสนล้านบาท บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. 4.66 แสนล้านบาท บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) 5 หมื่นล้านบาท บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีจีซี 1.8 แสนล้านบาท บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 1.5 แสนล้านบาท บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือจีพีเอสซี 2.8 หมื่นล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นก็ไม่เป็นห่วง เนื่องจากมีการบริหารการลงทุน การจัดหาเงินในรูปเงินบาท สกุลต่างชาติและรายได้ เป็นการป้องกันความเสี่ยงตามธรรมชาติ รวมทั้งมีการซื้อประกันความเสี่ยงบางครั้ง ส่วนกระแสข่าวลดบทบาทรัฐวิสาหกิจพลังงาน ปตท. คงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ หากรัฐบาลต้องการความมั่นคงรัฐวิสาหกิจ ปตท. จะเข้าไปลงทุนแทนรัฐ แต่หากธุรกิจใดที่มีการแข่งขัน มีความมั่นคง ก็ควรจะปล่อยให้มีการแข่งขันอย่างอิสระและเป็นธรรม ทั้งนี้ พลังงานควรมองควบคู่กับความมั่นคง ฝ่ายกำกับรัฐวิสาหกิจก็ควรเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ

ธปท.คุมเข้มแบงก์ขายผลิตภัณฑ์การเงิน

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมออกประกาศเรื่องการบริหารจัดการด้านการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลหลังจากที่ประกาศมีผลบังคับใช้ หากสถาบันการเงินไม่ทำตามที่ประกาศกำหนดจะมีโทษเปรียบเทียบปรับสูงสุด 1 ล้านบาท หรือเปรียบเทียบปรับรายวัน รวมทั้งกรณีที่ร้ายแรงจะห้ามไม่ใช้ทำธุรกรรมการเงินบางอย่าง ซึ่ง ธปท. จะแสดงรายชื่อสถาบันการเงินที่เปรียบเทียบปรับ ทำให้ประชาชนเห็นว่าสถาบันการเงินใดโดนเปรียบเทียบปรับบ้าง เพื่อให้ประชาชนสามารถเปรียบเทียบได้ว่าควรเลือกใช้บริการสถาบันการเงินใด ซึ่ง ธปท. จะกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติของสถาบันการเงินอย่างเคร่งครัด หากมีการฝ่าฝืนอาจสั่งการให้แก้ไข ชะลอ หรือระงับการให้บริการ ปรับ หรือกล่าวโทษ พร้อมทั้งจะมีการสุ่มตรวจสอบแบบไม่แสดงตัวตนเป็นระยะ ใน 9 ด้านสำคัญ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า การจ่ายค่าตอบแทน กระบวนการขาย การดูแลความลับข้อมูลลูกค้า การแก้ไขและจัดการเรื่องร้องเรียน การควบคุม กำกับ และตรวจสอบ การปฏิบัติงาน เป็นต้น

ขณะที่ประชาชนก็จะต้องได้รับข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างเพียงพอด้วย