อาการ ตาสว่าง ต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘นักการเมือง’

ไม่ว่าบทสรุปที่ประเมินการเสนอประเด็นว่าด้วย “กองหนุน” จากปาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นการให้กำลังใจ ดำเนินไปตามขนบแห่ง “ส.ค.ส.” ครบถ้วนจะมาจากสมองก้อนโตของผู้ใด

ของ “นักการตลาด” ของ “นักการทหาร”

แต่ต้องยอมรับว่า “บทสรุป” นี้ดำเนินไปเหมือนกับการตัดสินใจ “กลัดกระดุม” เม็ดแรกในทางการเมืองห้วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

ผลทำให้ได้ยินคำประกาศ “ผมเป็นนักการเมือง”

ผลทำให้ได้ยินคำอธิบายความพร้อมที่จะเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ตามรัฐธรรมนูญ

ผลทำให้ได้ยินการชู “ประชารัฐ” ขึ้นสูงเด่น

ในบรรยากาศแห่งการส่งความสุขภายใต้กระบวนท่า “คสช.” จึงอาจจะมองแต่ในด้านของ “รายรับ” มองแต่ในด้านของ “โอกาส”

กระทั่งมองข้าม หรือลืมไปว่ามี “รายจ่าย”

รายจ่ายที่เห็นได้อย่างฉับพลันทันใดก็คือ โครงการ “ประชารัฐ” เคลื่อนไปพร้อมกับเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลผ่าน ครม.สัญจร

มาพร้อมกับการอุ้มไก่ขึ้นสนทนา

มาพร้อมกับการนั่งและขับรถไถเคลื่อนไปในท้องไร่ท้องนาโดยมีกองเชียร์แวดล้อมนำเสนอกัปปิยโวหารด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

นี่คือเงาสะท้อนของ “การหาเสียง”

ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงแทบไม่แตกต่างไปจากภาพของ “นักการเมือง” ที่เคยออกไปหาเสียงในกาลอดีต

ก่อนหน้านี้ล้วนเคยถูกก่นด่า ประณาม

เงินที่นำออกไป “หว่านโปรย” ล้วนเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน ล้วนนำมาจากภาษีอากรซึ่งรีดจากประชาชน

ไม่ใช่เงินส่วนตัวของ “คสช.” แน่นอน

ถามว่าจุดเริ่มของการเป็น “การเมือง” ของการเป็น “นักการเมือง” นับจากวันที่ประกาศต่อหน้าผู้สื่อข่าวอย่างนั้นหรือ

ไม่ว่าจะเป็นเช่นนั้น

ตรงกันข้าม น่าจะเริ่มตั้งแต่มีการแตะมือในลักษณะ “สมคบคิด” ของบางกลุ่มทางการเมืองเพื่อสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การรัฐประหาร

และเมื่อลงมือ “รัฐประหาร” ในปี 2557

เมื่อลงมือทำรัฐประหารสถานะของ “คสช.” จึงไม่มีอะไรแตกต่างไปจาก “คณะราษฎร” เมื่อเดือนมิถุนายน 2475

นั่นคือ การเมือง นั่นคือ ปฏิบัติการในแบบ พรรคการเมือง

หากมองจากมุมของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา

พรรค คสช.เริ่มหาเสียงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557

ขณะที่พวกเขาต้องถูก “มัดตราสัง” ด้วยคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 57/2557 แม้กระทั่งมี พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองแล้วก็ยังไม่ยอม “ปลดล็อก”

อย่าถามถึง “ธรรมาภิบาล” อย่าถามถึง “ความโปร่งใส” อย่าถามถึงความสามารถใน “การตรวจสอบ” และอย่าถามถึงความเป็น “สุภาพบุรุษ”

เพราะนี่คือ การเอาเปรียบ

ภาพเหล่านี้จะยิ่งมีความแจ่มชัดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักจากประกาศและสำแดงตนว่าเป็น “นักการเมือง”

ถามว่าเป็นนักการเมืองแบบไหนกันหรือ