‘ไทยสร้างไทย’ ยึดมั่น ปชต. ชูดูแลตั้งแต่เกิดยันแก่ ถ้าเลือกแล้วทำไม่ได้ รอบหน้าไม่ต้องเลือก

‘ไทยสร้างไทย’ ชูนโยบายดูแลประชาชนเกิดยันแก่ ‘หญิงหน่อย’ พร่ำสอน ทำงานการเมืองคือขี้ข้าประชาชน ลั่นหากทำไม่ได้จริง สมัยหน้าไม่ต้องเลือก

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มติชนxเดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยยกทัพพรรคการเมืองชั้นนำครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งขุนพลเลือดใหม่ (Young blood) ขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชันนโยบายเพื่อนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

หลังจากแคมเปญ “มติชน : เลือกตั้ง’66 บทใหม่ประเทศไทย” เดินหน้าเปิดเวทีไฮไลต์ เริ่มจากเวทีแรก “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ต่อด้วย เวทีที่ 2 “วิเคราะห์ เลือกตั้ง’66” ในวันที่ 20 มีนาคม 2566 เวทีที่ 3 “ฟังเสียง New gen บทใหม่ประเทศไทย” ในวันที่ 31 มีนาคม 2566 และเวทีที่ 4 “เวทีเสียงประชาชน : นโยบายที่ใช่-สิ่งที่รัฐบาลใหม่ควรทำ” ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง โดยครั้งนี้เดินทางมาถึงเวทีที่ 5 เวทีชี้ชะตา ที่ระดมบุคคลสำคัญจาก 9 พรรคการเมือง ทั้งขุนพล-ขุนศึก-แม่ทัพ มาประชันไม้เด็ดครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของสมรภูมิเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566

เวลา 12.30 น. เข้าสู่รอบที่ 1 เวที “Young blood วัดอนาคต” เปิดโอกาสให้ตัวแทนคนหนุ่มสาวหน้าใหม่ ที่ลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก แต่มีความรู้ความสามารถ ประชันนโยบายของพรรคในมุมมองที่สดใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความหวัง และการทำงาน การเมืองเชิงสร้างสรรค์ ทิศทางใหม่ๆ เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต

นายปณิธาน ประจวบเหมาะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 23 กทม. พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ถ้าเราคิดจะเปลี่ยนแปลง งานการเมืองจะส่งผลต่อสังคมและภาพรวมของประเทศมากที่สุด การเมืองไม่ใช่เรื่องของเฉพาะคนรุ่นใหม่ หรือคนที่มีประสบการณ์ แต่เป็นเรื่องที่คนทุกวัย ทุกสายอาชีพ ต้องมาร่วมกันคิดร่วมกันทำ เพื่อนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์คนหมู่มากมากที่สุด

นายปณิธานกล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยเรามีผู้นำอย่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมามักจะปลูกฝังผู้สมัครในพรรคว่ามาทำงานการเมือง ไม่ได้มาเป็นเจ้านายประชาชน แต่คือขี้ข้าของประชาชน ผมเชื่อเหลือเกินว่าการมาเป็น ส.ส.ไม่ได้มีหน้าที่แค่ไปพิจารณาร่างนิติบัญญัติในรัฐสภาอย่างเดียว แต่มีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดูแลประชาชนในเขตพื้นที่

นายปณิธานกล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด-19 ได้มีโอกาสได้เข้าไปดูแล รับ-ส่งผู้ป่วย พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายที่จะดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ เรื่องแรกคือทุกพรรคการเมืองมักจะมีการพูดถึงว่าต้องมียาแรงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทยมองว่าจะใช้งบประมาณทั้งทีต้องแก้ปัญหาได้หลายๆ เรื่อง เรามีนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก

นายปณิธานกล่าวว่า ถัดมาคือนโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้มีความทันสมัย คิดจะสร้างเมืองสร้างประเทศที่ดี ต้องเริ่มจากการสร้างคน ถัดมาคือเราเห็นความลำบากของพ่อค้าคนตัวเล็ก หรือธุรกิจ SME การกู้เงินแต่ละครั้งเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นพรรคไทยสร้างไทยจึงมีนโยบายกองทุนเครดิตประชาชน ให้พ่อค้าแม่ขายเข้าถึงเงินทุน แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เรื่องถัดมาคือเรื่องปัญหายาเสพติด พรรคไทยสร้างไทยทำเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่มี ส.ส.สักคนในสภา

“จุดยืนของพรรคไทยสร้างไทย นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ที่ทำงานการเมืองมาตลอด 30 ปี ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ประสบการณ์เยอะ ถ้าพ่อแม่พี่น้องทุกคนไปดูรูปป้ายหาเสียง มันออกมาจากใจจริงๆ ไม่ว่าคุณหญิงจะลงพื้นที่ที่ไหนก็จะไปกอด ไปใหกำลังใจชาวบ้าน เรายึดมั่นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะไม่เป็นที่เหยียบยืนให้กับฝั่งที่ยึดอำนาจรัฐประหารมาเด็ดขาด

“14 พฤษภาคมนี้ออกไปใช้สิทธิใช้เสียง เลือกพรรคไทยสร้างไทย ดูแลพ่อแม่พี่น้องประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ ถ้าผู้สมัครของไทยสร้างไทยได้รับเลือกเป็น ส.ส.แล้วหายหน้าหายตา ไม่ทำอย่างที่พูดไว้ 4 ปีต่อมาไม่ต้องเลือก ถ้าไทยสร้างไทยไม่สามารถมาขับเคลื่อนนโยบาย ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนตามที่เราพูดไว้ ถ้าทำไม่ได้ 4 ปีไม่ต้องเลือกเรา” นายปณิธานกล่าว