ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 พฤศจิกายน 2560 |
---|---|
เผยแพร่ |
สหรัฐอเมริกา
วอชิงตัน – สำนักข่าวบีบีซีและเอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดเผยมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่มุ่งสกัดเงินสนับสนุนโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีขึ้นหลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศขึ้นบัญชีเกาหลีเหนืออยู่ในรายชื่อประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายร่วมกับอิหร่านและซีเรีย จากที่เกาหลีเหนือเคยถูกถอดพ้นบัญชีนี้ไปแล้วในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ในปี 2551 โดยมาตรการคว่ำบาตรใหม่นี้พุ่งเป้าไปที่บริษัทดำเนินงานขนส่งทางเรือและคมนาคมของเกาหลีเหนือและบริษัทจีนที่ทำการค้ากับเกาหลีเหนือที่มีมูลค่าทางธุรกิจรวมกันนับหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน รัฐบาลสหรัฐได้เสนอมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือต่อสหประชาชาติที่รวมถึงการห้ามค้าน้ำมันและให้ยึดทรัพย์นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 และยิงทดสอบขีปนาวุธอีกหลายครั้ง
ด้านญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แสดงความยินดีและสนับสนุนการประกาศขึ้นบัญชีเกาหลีเหนือเป็นประเทศก่อการร้ายของสหรัฐ โดยชี้ว่าท่าทีดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มความกดดันต่อเกาหลีเหนือมากขึ้นในการบีบให้ยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่จีนยังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเพิ่มความพยายามในการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีผ่านการเจรจาพูดคุยปรึกษาหารือ
เยอรมนี
เบอร์ลิน – สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์สรายงานว่า การเมืองเยอรมนีกำลังตกอยู่ในภาวะวุ่นวายหลังจาก นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี ประสบความล้มเหลวที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม 3 ฝ่าย อันประกอบด้วยพรรคซีดียู-ซีเอสยู ภายใต้การนำของนางแมร์เคิล กับพรรคกรีนส์ และพรรคฟรีเดโมแครต (เอฟดีพี) หลังจากพรรคเอฟดีพีประกาศถอนตัวออกจากการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันที่ดำเนินมานานกว่า 4 สัปดาห์ แต่ยังไม่ประสบผลลุล่วง เนื่องจากยังมีความเห็นแตกต่างกันในหลายประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะนโยบายการอพยพเข้าเมืองและประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม
หลังการเจรจาที่ล้มเหลวดังกล่าว ส่งผลให้ นายฟรังก์-วัลเทอร์ สไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมนี ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางเจรจาประนีประนอมกันและแสดงความรับผิดชอบที่มีต่อผู้มีสิทธิออกเสียงด้วยการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันให้ได้ ขณะที่นายสไตน์ไมเออร์ยังมีแผนที่จะพบปะเจรจากับพรรคกรีนส์ พรรคเอสดีพีที่เคยเป็นพันธมิตรการเมืองกับพรรคซีดียูของนางแมร์เคิล รวมถึงพรรคเอฟดีพีเองด้วย เพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกัน อย่างไรก็ตาม มีการแสดงท่าทีมาจากนางแมร์เคิลที่กุมอำนาจบริหารประเทศมานานถึง 12 ปี ที่ระบุว่าอยากให้มีการจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่มากกว่าในการผ่าทางตันปัญหาที่เกิดขึ้น
อินโดนีเซีย
คารังกาเซม – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีการอพยพของประชาชนหลายพันคนในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยรอบที่ตั้งภูเขาไฟอากุงบนเกาะบาหลี แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชื่อดังของอินโดนีเซีย เนื่องจากหวั่นกลัวกันว่าภูเขาไฟลูกนี้จะระเบิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี หลังจากภูเขาไฟอากุงได้พ่นกลุ่มควันสูง 700 เมตรออกจากปากปล่องเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ภูเขาไฟอากุงได้เริ่มเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นอีกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนราว 140,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไป ก่อนจะเดินทางกลับมายังที่อยู่อาศัยของตนเองหลังจากภูเขาไฟอากุงเริ่มสงบลง และอพยพออกไปใหม่ครั้งล่าสุด แม้ว่าศูนย์ภูเขาไฟวิทยาของอินโดนีเซียจะขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบและยังไม่มีการยกระดับเฝ้าระวังภูเขาไฟอากุงปะทุเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่เที่ยวบินต่างๆ ในพื้นที่นี้ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด