พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ : จุดยืนขั้นต่ำสุดเรื่อง 112 ของพรรคก้าวไกล คือต้องมีการแก้ไข

‘คณะราษฎรยกเลิก 112’ บุกก้าวไกล จี้ถามจุดยืน ‘พิธา’ รับปากพร้อมยกระดับ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 มกราคม ที่อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กลุ่มราษฎรยกเลิก ม.112 ยื่นหนังสือต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โดยตัวแทนกลุ่มกล่าวว่า จากข้อแถลงของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้มีความชัดเจนในการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เราต้องการคำตอบว่าจะแก้ไขอย่างไร และการยกเลิกมาตรา 112 เป็นความมุ่งมั่นของพวกเรา จึงอยากมาฟังจากปากของหัวหน้าพรรค ก.ก.ว่าทิศทางของพรรค ก.ก.จะเป็นอย่างไร

ด้านนายพิธากล่าวว่า เป็นห่วง น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม มากที่สุด ล่าสุดที่ได้ยินมาว่าสถานการณ์ร่างกายของทั้งสองไม่ไหวแล้ว น.ส.ตะวันก็ปฏิเสธน้ำเกลือ เพราะฉะนั้นเวลาของพวกเราที่อยู่ตรงนี้มีเหลืออยู่ไม่มาก ก็พยายามที่จะทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อถามว่าจุดยืนของพรรค ก.ก.คือการยกเลิก หรือแก้ไขมาตรา 112 นายพิธากล่าวว่า ขั้นต่ำที่สุดจะต้องมีการแก้ไข กับฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อให้เกิดการถกเถียงกัน แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออกก็ได้รับการพูดคุยกัน แต่ในขณะเดียวกัน ทางรัฐสภาก็พยายามผลักดันเพื่อจะให้มีการพูดคุยกัน ถ้ามีโอกาสจะรีบผลักดันกฎหมายเข้าไป

แต่ถ้ามีฝ่ายอื่นที่จะแก้ไขมาตรา 112 ไปในทางที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อประเทศ เราก็พร้อมที่จะยื่นร่างประกบเข้าไป หากพรรคการเมือง หรือสภาจะไม่ให้โอกาสในการสร้างฉันทามติ ถ้าของสังคมไทยกลัวว่าประเทศไทยจะหลุดมือ และไม่สามารถนำกลับมาได้ การที่พรรค ก.ก.จะผลักดันจนถึงขั้นยกเลิกอาจจะเป็นไปได้

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จุดยืนของพรรค ก.ก.มีความชัดเจนในการแก้มาตรา 112 และเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพต่างๆ จุดยืนของเราไม่ได้เปลี่ยน เรารู้ว่าเรามี ส.ส.เท่าไหร่ หากต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ต้องใช้พันธมิตรมากกว่านี้ สิ่งที่เราพยายามทำก็คือการแก้ไขมาตรา 112 เป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่เราสามารถคุยกันได้ และเราหวังว่ามาตรฐานขั้นต่ำตรงนี้จะนำไปสู่การสร้างความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวต่อไป

“แน่นอนว่าจุดยืนของเรายังคงเหมือนเดิม ส่วนในรายละเอียดถ้าจะถามให้ลึกไปกว่านี้ก็คงจะยังไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้” นายรังสิมันต์กล่าว

นายพิธา กล่าวถึงกรณีการประชุมใหญ่สามัญ ว่าเป็นการประชุมเพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง อย่างแรกคือการเตรียมข้อบังคับให้เข้ากับกฎหมายใหม่ เตรียมองคาพยพ โครงสร้างของแต่ละจังหวัด และเป็นการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “ก้าวไกลทูเดย์” พร้อมเปิดตัวยุทธศาสตร์ให้ประชาชนกาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ตนคิดว่าประเทศไทยเศรษฐกิจโต แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำไปด้วย จะเอาปัญหาในประเทศไทยมาสร้างเป็นโอกาส สร้างเป็นอุตสาหกรรม เป็นงาน ตนจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เมื่อปัญหามาปัญญามี ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม และไม่ได้มีไว้ให้ดองเหมือนเดิม ซึ่งทั้งหมดจะเกิดได้ประชาชนต้องปิดสวิตช์ 3 ป.เพื่อเปิดความหวังให้ประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการพูดว่าพรรค ก.ก.เป็นพรรคสุดโต่ง นายพิธากล่าวยืนยันว่า สิ่งที่พรรค ก.ก.กำลังทำอยู่เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โลกตอนนี้สุดโต่งมาก เพราะฉะนั้น เราต้องการองคาพยพของรัฐที่พร้อม ที่จะสามารถคืนสามัญสำนึกให้กับการเมืองไทยให้ได้ก่อน เพื่อจะให้มีรัฐบาลที่พร้อม ที่จะต่อสู้กับความท้าทายที่สุดโต่งของโลกในปัจจุบัน

“การที่การเมืองไทย เศรษฐกิจไทย ยังย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิม บริหารด้วยระบบราชการแบบรวมศูนย์ เหมือน 130 ปีที่แล้ว ตรงนี้ต่างหากที่เป็นสุดโต่ง ถือเป็นความเสี่ยงที่มากที่สุดของประชาชน ที่จะเลือกพรรค และนักการเมืองแบบเดิมๆ แล้วคาดว่าจะได้รับผลใหม่ๆ นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่สุดโต่ง” นายพิธากล่าว

เมื่อถามว่าคำว่าประชาธิปไตยที่เหมาะสมนั้น นายพิธากล่าวว่า ประชาชนจะเป็นคนตอบได้ดี สำหรับก้าวไกล คำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่มีแค่การเลือกตั้งอย่างเดียว แต่เป็นการที่ยึดโยงกับประชาชน การเมืองที่ประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ต้องมานั่งคิดว่าพลังของลากตั้ง หรือเลือกตั้งมากกว่ากัน การเลือกตั้งสู้กันด้วยนโยบาย สู้กันด้วยผู้สมัคร ไม่มีการรัฐประหารทุก 5 ปี ไม่มีการยุบพรรคเมื่อใกล้จะแพ้การเลือกตั้ง นี่คือสิ่งที่พรรค ก.ก.มองว่าเป็นประชาธิปไตย การที่ประชาชนจะมาควบคุมวาระทางสังคม มีสิทธิเสรีภาพ ชุมนุมกันอย่างสงบ ไม่มีกฎหมายกดขี่ ใครจะมองเหมาะสมไม่เหมาะสมประชาชนเป็นคนเลือก

นายพิธากล่าวว่า พื้นที่กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ที่ประชาชนไว้วางใจตั้งแต่ปี 2562 จนถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ด้วย ซึ่งนโยบายหลักของกรุงเทพฯคือการเปลี่ยนรถเมล์ควันดำให้เป็นรถเมล์ไฟฟ้า เพื่อทำให้สุขภาพของพี่น้องกรุงเทพฯดีขึ้น ทำให้ระบบสาธารณะเหมาะสมมากขึ้น ลด PM2.5 ไปได้ 10% ทันที รวมถึงการสร้างงานสร้างอาชีพที่พี่น้องกรุงเทพฯน่าจะจับต้องได้

เมื่อถามถึงการดีลกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นายพิธากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใสกับประชาชน ในส่วนของพรรค ก.ก.ยืนยันชัดเจนว่าต้องการจะปิดสวิตช์ 3 ป. เอาพรรค คสช.ออกจากการเมืองไทย เพราะฉะนั้น พรรค ก.ก.จะไม่ร่วมรัฐบาลกับทั้งพรรค พปชร.และพรรครวมไทยสร้างชาติ ​(รทสช.) และตนยืนยันขั้วพรรคฝ่ายค้านปัจจุบันเป็นชุดคำตอบที่ดีที่สุดของความท้าทายในประเทศไทยตอนนี้