“ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง” เปิดตัวร่วมพรรคเป็นธรรม “กัณวีร์” หวังร่วมผลักดันนโยบายจังหวัดจัดการตนเอง สร้างการกระจายอำนาจที่แท้จริง

นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า พรรคเป็นธรรมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทราบว่า ศาสตราจารย์ ดร. ธเนศวร์ เจริญเมือง ศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะเข้าร่วมงานกับพรรคเป็นธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ผนึกกำลังกำหนดนโยบายการกระจายอำนาจและการพัฒนาประชาธิปไตยร่วมกับพรรคเป็นธรรม ที่มุ่งหวังแปลงนโยบาย “จังหวัดจัดการตนเอง” ปรับใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ

“อาจารย์ ธเนศวร์ฯ เป็นผู้บัญญัติศัพท์การเมืองว่า “อุตรโครียานุวัตร” ที่ท่านได้กล่าวไว้เมื่อปี 2554 ว่าไม่รู้เมื่อไหร่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่ประชาธิปไตยที่เต็มใบ และเมื่อเวลาผ่านมากว่า 12 ปี แล้ว สภาวะแวดล้อมทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรม ยังย่ำอยู่กับที่และไม่สามารถเดินต่อไปในครรลองที่ควรเป็น ท่านเลยเห็นชอบและตกลงใจตามการทาบทามและร้องขอของพรรคเป็นธรรม ในการเข้าร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง เพื่อร่วมคิดนโยบายการนำประเทศไทยผ่านยุคอุตรโครียานุวัตรนี้ให้ได้โดยเร็ว” นายกัณวีร์ฯ กล่าว

นายกัณวีร์ เห็นว่า เมื่อบริบทสภาพแวดล้อมทางการเมืองไทยแล้ว ประเทศไทยได้เดินทางกลับไปสู่ สยามานุวัตร ภายหลังที่ ศ.ดร. ธเนศวร์ ได้กล่าวไว้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เพราะรัฐราชการรวมศูนย์แข็งแรงมากยิ่งขึ้น และเมื่อเกิดการรัฐประหารที่ซ้ำซ้อน การแปลงกายเป็น สยามานุวัตร ในคราบของ อุตรโครียานุวัตร ยิ่งทำให้ประเทศนี้ยากแก่การเดินทางสู่ประชาธิปไตยแบบเต็มใบ

“ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ฯ ตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคเป็นธรรม ในฐานะ คณะกรรมการบริหารพรรค ท่านจะมาช่วยเน้นนโยบายด้านการกระจายอำนาจและการพัฒนาประชาธิปไตย และด้านอื่นๆ อีกมากมาย ถือว่าผมและสมาชิกพรรคเป็นธรรมได้รับเกียรติอย่างสูงและมีโอกาสอย่างดียิ่งในการได้เรียนรู้จาก living proof อย่าง อ.ธเนศวร์ฯ ทั้งจากชีวิตส่วนตัวของท่านในการเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน”

นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า หลังจากพรรคเป็นธรรมเสร็จสิ้นภารกิจการประชุมสามัญใหญ่ประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2566 และมีการเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ รวมถึงปักธงต่อสู้การเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเปิดตัว ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส. สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้วนั้น พรรคเป็นธรรมยังมุ่งเน้นการกระจายอำนาจผ่านนโยบาย “จังหวัดจัดการตนเอง” โดยเสนอให้ 31 จังหวัดชายแดน และ 23 จังหวัดขายฝั่งทะเลและเกาะแก่ง เป็นจังหวัดนำร่องของการจัดการตนเอง