“สี-ปูติน” จ่อประชุมทวิภาคี ถกด่วนปมร้อนสงครามในยูเครน

วันที่ 14 กันยายน 2565 รอยเตอร์สรายงานว่า 2 ผู้นำชาติมหาอำนาจอย่างวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียและสี จิ้นผิงของจีน เตรียมพบกันที่อุซเบกิสถานพรุ่งนี้ ในการประชุมทวิภาคีระดับผู้นำในประเด็นร้อนการเมืองโลกของตัวเองอย่างสงครามยูเครนที่รัสเซียกำลังประสบความพ่ายแพ้หลังกองทัพยูเครนกอบกู้พื้นที่เขตคาร์คิฟที่เหลือได้ทั้งหมดและกำลังรุกคืบหมายตีเขตโดเนสกต์ที่เสียไปกลับคืนมา

การประชุมนี้ ทำเนียบเครมลินกล่าวว่าเป็น การจัดประชุมความสำคัญพิเศษต่อสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ และจะเป็นครั้งแรกของสี จิ้นผิง ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในรอบ 2 ปี ที่เดินทางออกนอกประเทศ ก่อนการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยทั้งสองจะพบกันนอกรอบการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซียงไฮ้ หรือ เอสซีโอ ที่จัดขึ้นในนครซามาคานด์

ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาของเครมลิน กล่าวสรุปว่า ปูตินจะหารือทั้งวาระระดับทวิภาคีและหัวข้อหลักในภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาจะให้การประเมินเชิงบวกเกี่ยวกับระดับความไว้วางใจสูงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนภายในหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ทวิภาคี

อูชาคอฟ กล่าวอีกว่่า รัฐบาลรัสเซียให้ความสำคัญกับจุดยืนของจีนต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า “วิกฤตยูเครน” โดยกล่าวว่าปักกิ่งได้ใช้ “แนวทางที่สมดุล” ต่อความขัดแย้ง โดยจีนเข้าใจอย่างชัดเจนถึงเหตุผลที่บังคับให้รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารพิเศษของตน แน่นอนว่าปัญหานี้จะมีการหารืออย่างละเอียดในระหว่างการประชุมที่จะเกิดขึ้น

การพบกันครั้งนี้ รายงานระบุว่า จะทำให้สีมีโอกาสเน้นย้ำถึงอิทธิพลของเขา ในขณะที่ปูตินสามารถแสดงให้เห็นถึงความเอียงของรัสเซียที่มีต่อเอเชีย ผู้นำทั้งสองสามารถแสดงความคัดค้านต่อสหรัฐฯ ได้เช่นเดียวกับที่ฝ่ายตะวันตกพยายามลงโทษรัสเซียสำหรับการกระทำอันเป็นการรุกรานที่รัสเซียสร้างวาทกรรม “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ในยูเครน

สำหรับจีนถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่อูชาคอฟกล่าวว่า ยังไม่มีข้อตกลงพลังงานฉบับใหม่กับจีนที่คาดว่าจะลงนามกันในการพบกันครั้งนี้

ขณะที่ สีจิ้นผิง ประกาศให้คำมั่นจะ”ปกป้องความมั่นคงร่วม” กับคาซัคสถาน ขณะเตรียมเปิดฉากการเยือนประเทศในเอเชียกลางในสัปดาห์นี้ ที่นับเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกของนายสีนับจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สื่อทางการจีนรายงานว่า นายสีจะเดินทางเยือนคาซัคสถานและอุซเบกิสถานอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 14-16 กันยายนนี้ โดยนายสีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) ที่เมืองซามาร์คันด์ ในอุซเบกิสถาน โดยกลุ่มเอสซีโอประกอบด้วย จีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน และ 4 ชาติในเอเชียกลาง ได้แก่ คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน อุซเบกิสถาน และ ทาจิกิสถาน

ประธานาธิบดีสีเขียนบทความตีพิมพ์ลงในสื่อคาซัคก่อนเปิดฉากการเยือน ที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนนำมาเผยแพร่ซ้ำ ระบุว่า จีนมุ่งมั่นที่จะทำงานกับคาซัคสถานในความร่วมมืออย่างลึกซึ้งในด้านการบังคับใช้กฎหมาย ความมั่นคงและการป้องกัน และว่า จีนยังต้องการทำงานร่วมกับคาซัคสถานในการต่อสู้กับการค้ายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนสิ่งที่จีนเรียกว่า “ความชั่วร้าย 3 ประการ” ด้วย

ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนนิยาม “ความชั่วร้าย 3 ประการ” ว่าคือ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และลัทธิสุดโต่งทางศาสนา ในการอ้างถึงการดำเนินนโยบายปราบปรามสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวในมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกอันห่างไกลของจีน ซึ่งมีพรมแดนติดกับคาซัคสถาน โดยจีนถูกกล่าวหาทำการจับกุมปราบปรามชาวมุสลิมอุยกูร์กว่าล้านคนและชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่นๆ ในมณฑลซินเจียง รวมถึงชาวคาซัคภายใต้การรณรงค์ด้านความมั่นคง ที่สหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกตีตราว่าเป็นการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

ในบทความอีกชิ้นของนายสีสำหรับตีพิมพ์ลงในสื่ออุซเบก นายสีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและแก้ไขความเสี่ยงภัยและความท้าทายต่างๆ และว่า อุซเบกิสถานมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาอัฟกานิสถาน