เอกสารลับเผย สหรัฐฯหนุนสังหารหมู่ในอินโดนีเซียยุคต้านคอมมิวนิสต์ปี 2506-2508

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวเดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษ ได้รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้เปิดเผยเอกสารของทางที่ถูกลดชั้นความลับให้สามารถเปิดเผยสู่สาธารณะ ได้เผยเบื้องลึกของเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนในอินโดนีเซียช่วงปี 2506-2508 ว่า สหรัฐฯได้ให้ความรู้และสนับสนุนปฏิบัติการกวาดล้างของกองทัพอินโดนีเซียในเวลานั้น ซึ่งในไปสู่การสังหารประชาชนหลายแสนคนในช่วงหวาดกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์แพร่กระจาย โดยเอกสารหลายพันชิ้นจากสถานทูตสหรัฐฯในกรุงจาร์กาตาที่ครอบคลุมช่วงเวลาในปี 2506-2508 ได้ถูกเผยแพร่แล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการลดลำดับชั้นความลับที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยยุคอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัค โอบาม่า

ในเอกสารหลายชิ้นเต็มไปด้วยภาพของยุคแห่งความกลัวอันน่าสะพรึงโดยกองทัพอินโดนีเซียและกลุ่มชาวมุสลิมซึ่งถูกร่างโดยนักประวัติศาสตร์และในกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งถูกทำให้ไม่เป็นความลับในปี 2544 ยกเว้นเอกสารที่เกี่ยวข้องของหน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐฯหรือซีไอเอ ซึ่งยังคงถูกจัดชั้นเป็นความลับอยู่ โดยอินโดนีเซียในปี 2507 นั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีพรรคคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากจีนและสหภาพโซเวียต ด้วยจำนวนแนวร่วมหลายล้านคน รวมถึงการมีผู้นำอย่างซูการ์โน ที่ยึดมั่นในแนวคิดสังคมนิยมและต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกา จนกระทั่งสหรัฐฯรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อบรรดานายพลหัวอนุรักษ์นิยมประกาศใช้กฎอัยการศึกในกรุงจาร์กาตา เข้ายึดสถานีวิทยุและดำเนินแผนกำจัดพรรคคอมมิวนิสต์โดยอ้างว่ามีแผนจะโค่นล่มรัฐบาล เพียงไม่กี่เดือน กองทัพประสบชัยชนะ เปลี่ยนการเมืองอินโดนีเซียให้เปิดรับความเป็นอเมริกาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจอย่างเต็มเปี่ยม

เอกสารที่ถูกเปิดเผยได้เน้นว่าในตอนแรก สถานทูตสหรัฐฯและกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาให้ข้อมูลและความรู้ในการสังหารและความกระตือรือร้นที่จะหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่จะกลายเป็นอุปสรรคต่อกองทัพอินโดนีเซีย นักประวัติศาสตร์ยังให้ข้อมูลว่า สหรัฐฯให้สิ่งอื่นอย่าง รายชื่อสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ อุปกรณ์วิทยุและเงินในการดำเนินการสนับสนุนกองทัพ

อีกทั้งในเอกสารยังเน้นถึงการสังหารหมู่ตามคำสั่งของนายพลซูฮาร์โต และบทบาทสำคัญในการสังหารโดยกลุ่มต่างๆซึ่งยังคงเป็นองค์กรมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันอย่าง นาทลาทู อูลามา กลุ่มอันซอร์และมูฮัมมาดิยะห์ ซึ่งบันทึกทางการทูตลงวันที่ 21 ธันวาคม 2508 จากนางแมรี่ วานซ์ เลขานุการเอกของสหรัฐฯส่งไปยังกระทรวงการต่างประเทศอ้างอิงถึงเหตุการณ์ว่า เป็นการเปลี่ยนอันยอดเยี่ยมที่ใช้เวลาสั้นเพียง 10 สัปดาห์ คาดว่าประชาชนถูกสังหารแล้วราว 1 แสนคน ลำพังเกาะบาหลีแห่งเดียว ประชาชนถูกคร่าชีวิตไปราว 1 หมื่นคน หลายรายเรียกว่าเป็นฆ่าล้างตระกูล เพราะเหยื่อมีทั้งครอบครัวและญาติมิตรและการฆ่าล้างบางยังคงดำเนินต่อไปจน 2 เดือนผ่านมา บันทึกระบุอีกว่า มีการฆ่าล้างที่เกาะบาหลีอีกราว 8 หมื่นคน

รายงานระบุว่า การเปิดเผยของเอกสารครั้งนี้ นับว่าบังเอิญกับกระแสการปลุกวาทกรรมต่อต้านคอมมิวนิสต์ในอินโดนีเซียที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคำว่าคอมมิวนิสต์ยังคงเป็นผีตามหลอกหลอนกลุ่มอนุรักษ์นิยมอยู่ แม้สหภาพโซเวียตได้ล่มสลาย และจีนหันเข้ามาทุนนิยมโลกเต็มที่แล้วก็ตาม

ขณะที่ ฮิวแมนไรท์ วอชช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ในวันต่อมา (18 ตุลาคม) หลังการเปิดเผยเอกสาร เรียกร้องให้สหรัฐฯและอินโดนีเซียเปิดเผยหลักฐานทั้งหมด เพราะเอกสารเหล่านี้ จะเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ของการฆ่าล้างที่แม่นยำและดำเนินการตามหลักยุติธรรมต่อผู้ก่ออาชญากรรมเหล่านั้น