ข่าวเด่น

เผด็จการพม่าโวยอาเซียน ละเมิดหลักไม่แทรกแซงกิจการภายใน

เผยแพร่

รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าโวยอาเซียน ชี้ละเมิดหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน เหตุไม่เชิญผู้แทนเข้าร่วมประชุม โยงแรงกดดันภายนอก

 

นายซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารพม่า ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อาเซียนที่ไม่ยอมเชิญผู้แทนรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมประชุมว่า อาเซียนกำลังละเมิดหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก เนื่องจากเผชิญแรงกดดันจากภายนอก

ซอ มิน ตุน ไม่ได้อธิบายขยายความใดๆ ในประเด็นเกี่ยวกับแรงกดดันจากภายนอกที่เขาอ้างถึง แต่ย้ำว่า หากที่นั่งของผู้แทนประเทศใดว่าง ก็ไม่ควรระบุว่านั่นคือการประชุมสุดยอดอาเซียน พร้อมกับระบุว่า เมียนมากำลังดำเนินการตามแผนการเพื่อสันติภาพ

“สิ่งที่พวกเขาต้องการคือให้เราพบและพูดคุยกับกลุ่มก่อการร้าย”ซอ มิน ตุน กล่าว โดยเขาใช้คำจำกัดความที่กองทัพเรียกกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับกองทัพพม่า

การออกมาแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีชาติสมาชิกอาเซียนบางประเทศที่เสนอให้ตัดผู้แทนฝ่ายการเมืองของรัฐบาลทหารเมียนมาออกจากการประชุมของอาเซียนในทุกกรอบ แต่ที่ประชุมเห็นควรให้มีการเสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมผู้นำอาเซียนเป็นผู้ตัดสินใจแทน

การตัดผู้แทนรัฐบาลทหารพม่าของอาเซียน สืบเนื่องจาก รัฐบาลทหารพม่าถึงตอนนี้ยังไม่สามารถทำตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ในการยุติความรุนแรงและการนองเลือดภายในพม่าได้ หลังมีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างโหดร้ายทารุณจากการปราบปรามของรัฐบาลทหารพม่า อันเนื่องวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นหลังทหารพม่าก่อการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนที่ชนะการเลือกตั้งเหนือพรรคฝ่ายทหารพม่าแบบถล่มทลาย แม้กองทัพพม่าพยายามสร้างความชอบธรรม แต่ประชาชนพม่ารวมถึงประชาคมระหว่างประเทศก็ไม่ยอมรับวิถีที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนี้ได้ จึงมีการประท้วงต่อต้าน

โดยเฉพาะชาวพม่าที่ชุมนุมประท้วงต่อเนื่องหลายเดือนแต่ถูกทหารพม่าปราบปรามอย่างหนักถึงขั้นเสียชีวิตและมีการทำศพพลเรือนผู้ประท้วงไปอำพราง ทำให้การประท้วงอย่างสันติยกระดับกลายเป็นการจับอาวุธสู้กับรัฐบาลทหารพม่าอย่างแข็งขัน ทั้งจากกองกำลังรัฐชาติพันธุ์หลายกลุ่มและประชาชนที่จัดตั้งกองกำลังในนามกองทัพปกป้องประชาชนหรือพีดีเอฟในการสู้รบกับรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า และสิ่งที่สะท้อนโอกาสที่รัฐบาลทหารพม่าจะยอมทำตามฉันทามติได้น้อยลงเรื่อยๆ คือการสั่งประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะกรณี 4 คนที่เป็นนักเคลื่อนไหวคนสำคัญของพม่า