เครือข่ายนักวิชาการ-ภาคปชช.ต้านยาเสพติด เปิดงานวิจัยชี้ พบกัญชาอันตรายต่อสมองเด็กมากกว่าที่คิด

เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านยาเสพติด เปิดงานวิจัยชี้ พบกัญชาอันตรายกว่าสมองมากกว่าที่คิด มีบางรายเกิดอาการทางจิตหนักถึงขั้นจิตเภท

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา นพ.สมิทธ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชและกรรมการแพทยสภา ในฐานะแนวร่วมเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านยาเสพติด ได้โพสต์ข้อความถึงผลการศึกษาผู้ป่วยเด็กจากการใช้กัญชา ภายหลังการปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดไม่นาน โดยระบุว่า

ขอให้ดูตามรูปที่นำมาจากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยซึ่งพบผู้ป่วยเด็กที่ป่วยจากกัญชาทั้งหมด 14 รายเมื่อผ่านไปหนึ่งเดือนหลังปลดล็อคกัญชาเสรี (พบมากกว่าก่อนปลดล็อคแน่นอนครับ)

จึงอยากเชิญชวนทุกคนอีกครั้งมาลงชื่อในแคมเปญนี้ change.org/delaycannabislaw หรือช่วยแชร์ status นี้ เพื่อผลักดันให้รัฐหยุดภาวะสุญญากาศนี้ ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเสรีกัญชาที่สุดในโลก จนเด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่ายมาก

ผมยังมีประเด็นเพิ่มเติมที่อยากอธิบาย ให้เข้าใจกัน แต่ขอสรุปตรงนี้ ให้คนขี้เกียจอ่าน

“จากงานวิจัย คนที่เสพกัญชาเป็นประจำ 100 คน จะมีสามคนที่มีอาการโรคจิต (หูแว่ว หลงผิด ระแวง) และมีหนึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคจิตเภท”

และ “ความน่ากลัวของโรคจิตเภทคือ ส่วนใหญ่เป็นแล้วทำงานแทบไม่ได้ ป่วยแล้วต้องรักษากันไปตลอดชีวิต”

ข้อมูลแบบละเอียดครับ

  1. จากรายงานของราชวิทยาลัยฯ ที่พบเด็กเกิดอาการโรคจิต (หูแว่ว หลงผิด ระแวง) หลังเสพกัญชา ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งพูดกันว่า ไม่จริง เกิดจากเสพสารอื่นร่วมด้วย ใช้กัญชาอย่างเดียวไม่มีอาการแบบนี้หรอก บอกเลยครับ อันนี้ไม่จริงเลยครับ เอาเฉพาะอาการโรคจิตอย่างเดียว ก็มีงานวิจัยมากมายครับว่าการเสพกัญชาอย่างเดียวทำให้เกิดอาการแบบนี้ได้
  2. กรณีไม่เคยมีอาการทางจิตมาก่อน เสพกัญชาครั้งเดียว และไม่ได้เสพเกินขนาด ผู้เสพก็อาจเกิดอาการทางจิตหลายรูปแบบรวมถึงอาการโรคจิต (หูแว่ว หลงผิด ระแวง) ตามงานวิจัยนี้ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7738353/ หรืออีกงานวิจัยที่สรุปว่า วัยรุ่นที่ใช้กัญชาเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจิตเภทในอนาคต https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33617756/ (สองงานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยในระดับที่ดีมากๆ เพราะเป็นการรวมหลายๆ งานวิจัยแล้วมาวิเคราะห์) และยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกมากครับ นี่แค่ส่วนหนึ่ง
  3. แล้วจะมีคนบอกว่า เคยเห็นคนรู้จักเสพตั้งนาน ไม่เห็นเป็นอะไร ก็เป็นไปได้ตามนั้นเลยครับ เพราะอาการพวกนี้ไม่ได้เจอทุกคน ก็ดูงานวิจัยนี้ได้ครับ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8945254/ ซึ่งพบว่า คนที่ใช้กัญชาเป็นประจำจะมีอาการโรคจิต (หูแว่ว หลงผิด ระแวง) ได้ประมาณเกือบ 3% (2.79) ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่ใช้แล้วไม่เป็น ก็ไม่แปลกครับ
  4. แต่ต้องระวังนะครับ เพราะมีงานวิจัยอีกอัน https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7147575/ ระบุว่าคนที่เป็นอาการโรคจิตจากการเสพกัญชาเหมือนแบบข้างต้น จะป่วยเป็นโรคจิตเภทได้ถึง 34% (ซึ่งพบมากกว่าการเสพยาเสพติดชนิดอื่นๆ)
  5. ดังนั้นสุดท้าย จากข้อ 3. และ 4. อาจสรุปได้ว่า “คนที่เสพกัญชาเป็นประจำ 100 คนจะมีสามคนที่มีอาการโรคจิต (หูแว่ว หลงผิด ระแวง) และมีหนึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคจิตเภท” แล้ว “ความน่ากลัวของโรคจิตเภทคือ ส่วนใหญ่เป็นแล้วทำงานแทบไม่ได้ ป่วยแล้วต้องรักษากันไปตลอดชีวิต”
  6. ผมบอกแบบนี้ไม่ได้จะด้อยค่ากัญชาอะไรนะครับ เพราะกัญชาก็มีประโยชน์ทางการแพทย์จริง ถ้าใช้ตามที่กรมการแพทย์บอก แต่แค่บอกให้เห็นโทษของมัน ก็เหมือนกับเหล้า บุหรี่ครับ ถ้าใช้เยอะ ก็เป็นมะเร็งตับ และมะเร็งปอดได้ จึงต้องมีการควบคุมการใช้

สุดท้ายผมอยากให้ดูประกาศของแพทยสภาในรูปสุดท้ายครับ ให้ดูว่าทางแพทยสภาต้องการให้เป็นทางไหน ตัวผมเองอาจเห็นต่างส่วนเดียวในเรื่องนันทนาการครับ เพราะผมยอมรับได้กับการใช้เพื่อนันทนาการ เพราะปัจจุบันเหล้าบุหรี่ยังอนุญาตเลย แต่ไม่ใช่ให้เสรีเหมือนตอนนี้ ที่มันเกินไปครับ ไม่มีการควบคุม

ทั้งนี้ขอขอบคุณ ศ.นพ.มานิต ศรีสุรภานนท์ ประธานราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทยที่ช่วยตรวจทานข้อความครับ

ปล. โรคจิตเภทคืออะไร อ่านได้ตามนี้ครับ https://www.rama.mahidol.ac.th/…/general/09042014-0855

ทั้งนี้ เครือข่ายได้ทำการณรงค์ผ่านเว็บไซต์ change.org เพื่อล่ารายชื่อในการกดดันให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชะลอเสรีกัญชาและออกกฎหมายคุ้มครองไม่ให้เด็กเข้าถึงกัญชาทุกรูปแบบ