กรุงเทพฯ ติดท็อป 10 เมืองที่คนทำงานหนักเกินไป

กรุงเทพฯ เมืองไร้ Work-Life Balance ผลสำรวจทั่วโลกชี้ กทม.ติดโผ เมืองคนทำงานหนักเกินไป ส่วนกรุงออสโลขึ้นแท่นน่าอยู่น่าทำงานสุดในโลกประจำปี 2022

 

วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 บลูมเบิร์กรายงานว่า getkisi.com บริษัทผู้ให้บริการเข้าถึงข้อมูลผ่าน Internet of Things (IoT) ได้เปิดเผยผลการศึกษาเมืองที่ดีที่สุดเพื่อความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานประจำปี 2022 หรือ Best Cities for Work-Life Balance in 2022

โดยเป็นการสำรวจประชากรจากเมืองใหญ่ทั่วโลก ทั้งเปรียบเทียบข้อมูลปัจจัยความเข้มข้นในการทำงาน ความน่าอยู่ของเมือง ตลอดจนระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ค่าครองชีพไม่แพง และการมีเวลาว่างเพียงพอต่อการทำกิจกรรมสำหรับสร้างสมดุลต่อชีวิตในการทำงาน

พบว่า เมืองที่ได้รับการจัดอันดับให้มี Work-Life Balance มากที่สุดคือกรุงออสโล ของประเทศนอร์เวย์ ตามด้วย กรุงเบิร์น ของสวิตเซอร์แลนด์, กรุงเฮลซิงกิ ของฟินแลนด์, นครซูริก ของสวิตเซอร์แลนด์ และกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

ขณะเดียวกันท่ามกลางสภาวะการระบาดของโควิด-19 ที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของผู้คนทั่วโลกให้ต้องทำงานจากที่บ้าน เว็บไซต์ getkisi ยังเผยการจัดอันดับเมืองที่เหมาะสมต่อการทำงานทางไกล หรือทำงานจากที่บ้าน โดยสิงคโปร์อันแท่นเมืองที่เหมาะสมต่อการทำงานทางไกลมากที่สุดในโลก ตามด้วยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในอันดับสอง นครออสติน รัฐเทกซัส อันดับสาม กรุงเบิร์น ของสวิตเซอร์แลนด์อันดับสี่ และ นครซูริก ในอันดับห้า

นอกจากนี้ getkisi ยังเผยการจัดอันดับเหมืองที่ผู้คนทำงานหนักเกินไป Most Overworked Cities โดยพบว่า นครดูไบ อยู่ในอันดับหนึ่งของเมืองที่ผู้คนทำงานหนักเกินไปที่สุดในโลก ตามด้วยนครฮ่องกง กรุงกัวลาลัมเปอร์ และสิงคโปร์ ตามลำดับ ส่วนกรุงเทพมหานคร อยู่ในอันดับ 7 จากทั้งหมด 10 อันดับของเมืองที่ผู้คนทำงานหนักเกินไป

นอกจกานี้ พบว่าไม่น้อยกว่า 15.10% ของพนักงานประจำในกรุงเทพมหานคร มีการทำงานล่วงเวลามากกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในแต่ละเมือง ขณะเดียวกันยังพบว่ามีหลายเมืองมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเมืองที่มีจำนวนประชากรทำงานล่วงเวลามากขึ้น