คริปโต : Bitcoin ดีดกลับทะลุ 3 หมื่นเหรียญ Terra Luna ร่วง 99% ชั่วข้ามคืน เปิดสาเหตุของวิกฤต

Bitcoin ดีดกลับทะลุ 30,000 เหรียญ Terra Luna ร่วง 99% ชั่วข้ามคืน เปิดสาเหตุของวิกฤต หวั่นกระทบหุ้นคริปโต กูรูเตือนนักลงทุน อย่าเทรดด้วยอารมณ์

 

ราคาของบิทคอยน์ คริปโทเคอร์เรนซีอันดับต้นของโลก ดีดตัวกลับขึ้นมาสูงกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งในวันที่ 13 พฤษภาคม หลังจากที่ร่วงลงไปทำสถิติต่ำสุดที่ 25,400 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือนเมื่อวานนี้

ในวันนี้ ราคาบิทคอยน์ดีดกลับขึ้นมาซื้อขายกันที่ 30,876 ดอลลาร์ หรือปรับเพิ่มขึ้นมา 14.34% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่หากดูจากสถิติในรอบ 7 วัน ราคาของบิทคอยน์ยังปรับลดลงไปราว 15.50%

ขณะที่ Terra Luna ซึ่งเป็น stablecoin หรือคริปโทเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่จะมีการตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง ก็ร่วงลงจากที่เคยมีมูลค่าสูงสุดที่ 118 ดอลลาร์ เมื่อเดือนก่อน มาอยู่ที่ 0.09 ดอลลาร์ในวันที่ 11 พฤษภาคม จนกระทั่งแพลตฟอร์มที่มีการซื้อขายต้องประกาศระงับการซื้อขายในเวลาต่อมา

การร่วงลงของมูลค่าเหรียญ Luna ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายัง stablecoin หลักอย่าง TerraUSD ที่ปกติแล้วจะถือเป็นสกุลเงินคริปโทฯที่ถือว่ามีเสถียรภาพ โดยในวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาของ TerraUSD ตกลงไปถึง 0.4 ดอลลาร์ มาซื้อขายที่ 0.95 ดอลลาร์ในเว็บไซต์คอยน์มาร์เก็ตแคป ก่อนที่จะมีการปรับตัวขึ้น 0.47% ซื้อขายกันที่ 1.0012 ดอลลาร์

ด้านสกุลเงินดิจิทัลอื่นอย่างอีเธอเรียม ก็ปรับขึ้นมา 15.52% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,115.97 ดอลลาร์ แต่หากดูจากตัวเลขในช่วง 7 วัน มูลค่ายังลดลง 22.88%

สภาพการณ์ดังกล่าวมีขึ้นขณะที่หลายฝ่ายมองว่าตลาดคริปโทฯอยู่ในช่วงขาลง โดยมูลค่าการซื้อขายคริปโทฯทั่วโลกลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนพากันตื่นตระหนกและกำลังถอนการลงทุนออกจากตลาดคริปโทฯ ยิ่งทำให้ราคายิ่งดำดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่ทำให้ตลาดคริปโตอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้น มีสาเหตุหลัก 3 ประการ

1. อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก ซึ่งจะเป็นสถานการณ์เชิงลบอย่างมากสำหรับ BTC การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นของเฟดหรือธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนนี้ก็ทำให้ BTC ต้องร่วงลงอย่างหนัก

2. ราคาตลาดหุ้นร่วงลงตามบิทคอยน์

ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ทำให้ราคาตลาดหุ้นลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.7% ในขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ BTC ร่วงลงกว่า 3%

3. การล่มสลายของ Terra ได้ทำลายความเชื่อมั่นของตลาดคริปโต

บล็อกเชน Terra เคยเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเดือนที่ผ่านมา เหรียญ LUNA ยังเคยเป็นเหรียญที่ติด 10 อันดับคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ราคาร่วงลงมาถึง 99.95% ภายในหนึ่งสัปดาห์ สิ่งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในพื้นที่คริปโตได้สั่นคลอนอย่างมาก

เงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency คนไทยสนใจเยอะ แต่ยังขาดความรู้-ลงทุนจริงยังน้อย | Brand Inside

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้นักวิเคราะห์ ออกมากล่าวว่า ป็นช่วงเวลาวิกฤตที่ตึงเครียดมากในตลาดคริปโต หลังการล่มสลายของ UST Stablecoin ซึ่งเริ่มมาจากการโจมตีกลุ่มคนที่ได้เทขาย UST มูลค่ากว่า 285 ล้านดอลลาร์ บน Curv และ Binance ส่งผลให้ UST หลุด Peg บนกราฟ ลงไปที่ 0.98 ดอลลาร์

เป็นไปได้ว่าราคาเหรียญคริปโต Bitcoin จะทะยานดิ่งต่ำลงไปแต่ที่ราคาต่ำสุด 25,000 บาท ก่อนจะตีกลับพุ่งขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป

ขณะที่ นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ผู้นำธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน กล่าวว่า ตลาดคริปโทฯตอนนี้เข้าสู่ช่วงตลาดหมีอย่างแท้จริง ซึ่งส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ที่ราคาบิทคอยน์ตกลงไปต่ำกว่า 1 ล้านบาท นั้นเกิดจากแรงกดดันตลาดแพนิกทั้งจากวิกฤตของ เหรียญ Stablecoin UST และ LUNA ที่ส่งผลให้เหรียญในกลุ่ม DeFi และ Stablecoin รวมทั้งเหรียญอื่นก็ถูกเทขายออกมา สิ่งที่กดดันมากขึ้นคือ FED ที่คงต้องขึ้นดอกเบี้ย อย่างจริงจังมากขึ้น เพราะตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI : Consumer price index ซึ่งใช้เพื่อคำนวณอัตราเงินเฟ้อ) เร่งตัวขึ้น 8.3 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.1 เปอร์เซ็นต์ และใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งปัจจัยจาก FED กับการต่อสู้กับวิกฤตเงินเฟ้อนั้น ยังคงอยู่ไปอีกอย่างน้อย 3-4 เดือนจากนี้ นั่นย่อมกดดันให้คริปโทเคอร์เรนซียังสามารถลงไปทดสอบระดับล่างได้อีก

“มองว่าทางเทคนิค Bitcoin และเหรียญ Altcoin อื่นๆ อยู่ในขาลง และคงไม่จบใน 1 ถึง 2 สัปดาห์นี้ อาจยืดยาวไป 1-2 เดือนเป็นอย่างน้อย ราคาของบิทคอยน์อาจเคลื่อนไหวไปมาในช่วงกว้างๆ ระหว่าง $32,000 ถึง $25,000 อยู่หลายสัปดาห์จากนี้ อยากจะเตือนนักเทรดว่า ตอนนี้อย่าใช้อารมณ์ในการเทรด ต้องมีสติ และบริหารการเงินให้ดี” นายปรมินทร์กล่าว

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ผู้นำธุรกิจำด้านสินทรัพย์ดิจิตัลและบล็อกเชน

ส่วน นายสรัล ศิริพันธ์โนน ซีอีโอ Satang Corporation กล่าวว่า เวลานี้ การจะมองหาว่าเหรียญหรือสินทรัพย์ใดเป็น safe-haven นั้น อาจจะยากอยู่สักหน่อย แน่นอนว่าเมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกำจัดอัตราเงินเฟ้อ ย่อมทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น ทองคำ คริปโทฯ อยู่ในภาวะกดดันคือไม่ขึ้นหรือลงมาอีก ในช่วง 4-5 เดือนนี้ และเมื่อสินทรัพย์แทบทุกชนิดถูกเทขาย (ยกเว้นน้ำมันกับก๊าซที่ยังขาขึ้นในช่วง 1-2 เดือนนี้) เงินก็จะไหลกลับมาที่ US Dollar อีก เพราะการที่ USD แข็งค่าขึ้น แสดงว่าไม่มีทรัพย์สินอื่นน่าสนใจลงทุน

นายสรัลกล่าวต่อว่า อยากจะฝากข้อคิดว่า ก่อนจะลงทุนควรต้องตั้งคำถามกับตัวเอง 2 ข้อ คือ 1.สินทรัพย์ที่จะลงทุน จะลงไปได้มากที่สุดขนาดไหน (maximum drawdown) และ 2.อีกยาวนานแค่ไหน ที่สินทรัพย์นั้นจะเริ่มกลับมาฟื้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักคิดถึงแต่ประเด็นข้อ 1 แต่ลืมถามข้อ 2 เรื่องที่เกี่ยวกับเวลาในการถือครองทรัพย์สินระหว่างขาลงยังไม่จบ จนกลับมาขาขึ้นเป็นกำไร อย่าลืมว่าระยะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนั่นหมายถึงต้นทุนของการได้หรือเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น อย่าถือสินทรัพย์ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ อย่าทุ่มการลงทุนไปในสินทรัพย์กลุ่มเดียว ควรมีเงินสดไว้ด้วย เพราะสินทรัพย์ช่วงนี้มีจะโอกาสที่จะราคาผันผวนสูง อย่าพยายามสร้างหนี้สินเพิ่ม ไม่ควรกู้เงินมาลงทุนเด็ดขาด

“สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง ควรศึกษาหาความรู้ให้เข้าใจ เทรดแบบมองข้อมูลเชิงพื้นฐาน และศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ที่สำคัญคือต้องใช้สติและวิจารณญาณในการลงทุน และจะซื้อขายให้ปลอดภัย ต้องผ่านเว็บเทรดที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. อย่าง Satang Pro ที่เน้นการพัฒนาระบบความเสถียร รวดเร็ว ตลอดจนรักษามาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลและสินทรัพย์ของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง” นายสรัลกล่าว

นายสรัล ศิริพันธ์โนน ซีอีโอ Satang Corporation

ที่มา: cryptosiam, thethaiger