องคมนตรีย้ำไม่เคยเห็นใครโกงแล้วได้ดี ไม่ว่า รบ.ไหน พอหมดอำนาจ สิ่งไม่ดีจะออกมา

“ไพบูลย์” ชี้ไม่เคยเห็นใครโกงแล้วได้ดี ไม่ว่า รบ.ไหน ระบุโครงสร้างปราบทุจริต ปทท.ดี แต่ กม.บางอย่างไม่สอดคล้อง

เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่โรงแรมริชมอนด์สไตลิช คอนเวนชั่น จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ธรรมาภิบาลกับการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ” ว่า ทุกวันนี้ทุกคนรู้จักคำว่าธรรมาภิบาล ดังนั้น ให้ตนมานั่งพูดเรื่องทฤษฎีตนก็คงไม่พูดแล้ว ไม่มีใครไม่รู้ปัญหาว่าการทุจริตในบ้านเมืองเรานั้นรุนแรง และบั่นทอนการพัฒนาของบ้านเมืองเราขนาดไหน เรามียุทธศาสตร์ แต่เราไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง ถ้าท่านทำให้คนกล้าได้ ท่านจะทำให้คนทุจริตน้อยลงได้ ทั้งนี้ การทุจริตเกิดจากหน่วยงานของรัฐเป็นอันดับต้นๆ เจ้าหน้าที่ของรัฐทำให้เกิด เพราะมีงบประมาณ มีผลประโยชน์โดยใช้ทรัพยากรของรัฐ หากรัฐบาลกล้าที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา ปัญหาก็จะลดน้อยลง ซึ่งต้องใช้เวลา และกว่าจะไปถึงตรงนั้นทรัพยากรของชาติหมดไปแล้ว นอกจากนี้ คือเรื่องนโยบายพัฒนา คือ เราเสียเงินแสนล้านแต่การพัฒนาไม่ไปตามนั้น การปราบทุจริตจึงไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ตนคิดว่าระบบการป้องกันนั้นดีที่สุด ป้องกันไม่ให้เกิด

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ ป.ป.ช.ได้มีการตั้งหน่วยงานอย่างศปท.ขึ้นมา ทั้งที่หน่วยงานรัฐเรามีหน่วยงานลักษณะนี้อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรายงาน ซึ่งตนอยากฝากการบ้านไปถามว่า แล้วแบบนี้จะให้ศปท.เดินหน้าอย่างไร เพื่อช่วยเสริมโครงสร้างให้ ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่สามารถให้คุณให้โทษกับหน่วยงานงานของรัฐได้ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจไปบอกศาล ไปบอกหน่วยงานราชการให้ดำเนินการเร็วๆ ได้ แต่เสียงก่นด่ามันไปยังรัฐบาลว่าคดีผ่านมานานแล้วทำไมไม่คืบหน้า อย่างไรก็ตาม ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ป.ป.ช.พยายามทำงานตรงนี้หนักมาก ทั้งนี้ ประเทศไทยใช้ระบบการปราบปรามนำทำให้ที่ผ่านมาเราสูญเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก และไม่ค่อยมีคนรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้ตนดีใจที่การสร้างความรู้ให้แก่ประชาชนเรื่องการต่อต้านการทุจริตดีขึ้น สิ่งนี้ถือเป็นการป้องกันปัญหาระยะยาว

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า บ้านเราพัฒนาโครงสร้างในด้านการปกครอง เรามีองค์กรอิสระ ฯลฯ แต่เราไม่ได้แก้กฎหมายให้สอดคล้องเลย กลุ่มที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือท้องถิ่นเวลามีเรื่องราวต่างๆ ซึ่งอ่านระเบียบแล้วน่าตกใจ เพราะเราเอาใครก็ได้มาเป็นผู้นำท้องถิ่นโดยการเลือกตั้ง ซึ่งบางคนไม่มีความเข้าใจในหลายๆ เรื่อง และกฎหมายบางข้อก็ไม่สอดคล้องกับท้องถิ่นเลย ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องการเอาเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า โดยผ่าน อปท. (โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท) ตนทำตรงนี้เห็นว่าติดที่ระเบียบ ส่วนใหญ่ไม่ผ่าน ทำให้เงินไม่ออกไปเสียที เพียงแค่นี้ก็กระทบระบบเศรษฐกิจแล้ว ตนจึงเสนอให้มีการแก้ระเบียบเพื่อให้เกิดการจ้างงานในระดับชุมชนอย่างแท้จริง เงินไม่ตกกับผู้รับเหมารายใหญ่เพียงไม่กี่ราย

“ผมไม่เคยเห็นใครโกงแล้วได้ดี ไม่ว่ารัฐบาลไหน ย้ำนะ ไม่ว่ารัฐบาลไหน เราจำเป็นต้องใช้กระบวนการยุติธรรมในการจัดการ ซึ่งต้องใช้เวลา เวลาท่านอยู่ในอำนาจบารมีสิ่งไม่ดีเหล่านั้นจะไม่ออกมา แต่เมื่อใดที่อำนาจท่านหมด สิ่งเหล่านั้นจะค่อยๆ ออกมา” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว