‘เซเลนสกี้’ เผยเหตุสถานการณ์ในโบโรเดียนก้า “เลวร้ายกว่า” สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองบูชา

ศึกวันที่ 44 “เซเลนสกี้” เผยสถานการณ์ในโบโรเดียนก้า “เลวร้าย” กว่าเหตุสังหารหมู่พลเรือนในบูชา ข่าวกรองเยอรมันดักฟังกองทัพรัสเซียคุยกันเองเกี่ยวกับสังหารพลเรือนยูเครนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

วันที่ 8 เมษายน 2565 เดอะการ์เดี้ยนรายงานว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน ได้ออกมากล่าวต่อสถานการณ์ของยูเครนหลังการล่าถอยของกองทัพรัสเซียออกจากพื้นที่แนวรบทางเหนือที่หมายจะพิชิตเมืองหลวงอย่างคียีฟซึ่งผ่านไปกว่า 1 เดือนแต่กองทัพรัสเซียประสบความล้มเหลวและสูญเสียกำลังรบอย่างหนักว่า พื้นที่เมืองรอบเขตปกครองคียีฟอย่างเมืองโบโรเดียนก้านั้น สถานการณ์ “เลวร้ายยิ่งกว่า” สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองบูชา

“งานเก็บกวาดซากปรักหักพังในโบโรเดียนก้า ได้เริ่มขึ้นแล้ว … ที่นั่นน่ากลัวกว่ามาก เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากรัสเซียมีมากยิ่งขึ้น”

สภาพเมืองโบโรเดียนก้าถูกเผยแพร่ผ่านวิดีโอ แสดงให้เห็นทีมกู้ภัยใช้เครื่องมือหนักในการขุดตามซากอาคารที่ถล่มจากการโจมตีของกองทัพรัสเซีย เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตหรือผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ในซากซึ่งอาจมีมากกว่าร้อยราย

เซเลนสกี้ กล่าวเตือนด้วยว่า รัสเซียกำลังเตรียมทำโฆษณาชวนเชื่อ โดยทำให้กองทัพรัสเซียดูเหมือนกองทัพยูเครนและโยนความผิดให้มีส่วนรับผิดชอบต่อการโจมตีเมืองมาริอูโปล

ส่วนที่เมืองมาริอูโปลนั้น คอนสแตนติน อิวาชเชนโก้ ผู้นำแบ่งแยกดินแดนในโดเนสตค์ที่ได้อ้างสิทธิเป็นผู้ว่าการเมืองมาริอูโปลกล่าวว่า มีชาวเมืองถูกสังหารในช่วงปิดล้อมไปราว 5,000 คน โดยบ้านเรือนถูกทำลายไปราวๆ 60-70%

ขณะที่ทางการยูเครนกล่าวว่า เมืองมาริอูโปลนั้น ถูกทำลายไปแล้ว 90% และมีข้อบ่งชี้ว่าอาจมี “พลเรือนเสียชีวิตหลายหมื่นคน”

ด้านรัสเซียนั้น หลังการเปิดโปงการสังหารหมู่พลเรือนในเมืองบูชาออกสู่สื่อทั่วโลก โฆษกรัฐบาลเครมลินอย่าง ดิมิทรี เปสคอฟ ได้ออกมากล่าวกับสกายนิวส์ว่า รัสเซียมีการสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก

“มันเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่สำหรับเรา” เปสคอฟ กล่าว

ความเคลื่อนไหวของทั้งยูเครนกับรัสเซียเกิดขึ้น ไม่นานหลังจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น มีมติเกิน 2 ใน 3 ให้ระงับความเป็นสมาชิกของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น และต่อมาผู้แทนรัสเซียได้ยื่นลาออกเพื่อประท้วง ซึ่งก่อนจะมีการลงมตินั้น ผู้แทนรัสเซียได้ออกมากล่าวเชิงข่มขู่ชาติสมาชิกที่ตัดสินใจวางตัวไม่เป็นมิตร จะต้องได้รับผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับรัสเซียแน่นอน

ในช่วงที่มีการค้นพบพลเรือนถูกสังหารหมู่ในเมืองบูชา จนทำให้ข้อหากระทำอาชญากรรมสงครามต่อรัสเซียค่อยๆดังขึ้นนั้น ก็มีรายงานว่า มีการเผยแพร่ภาพวิดีโอของทหารยูเครน สังหารเชลยศึกรัสเซียบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งไปทางตะวันตกของกรุงคียีฟ ซึ่งสื่อต่างชาติอย่างนิวยอร์กไทม์สก็ยืนยันได้ว่าเป็นวิดีโอเหตุการณ์จริงและบีบีซีสามารถระบุตำแหน่งจากภาพถ่ายดาวเทียมได้ว่า เกิดขึ้นในเมืองดิมิทรีฟก้า

ดักฟังทหารรัสเซียคุยเรื่องสังหารพลเรือนยูเครน

เดอะการ์เดี้ยนยังรายงานอ้างอิงจากหน่วยข่าวกรองกลางของเยอรมนีได้ว่า สามารถดักฟังการสนทนาของทหารรัสเซียกลุ่มหนึ่งที่กำลังคุยกันเกี่ยวกับการสังหารพลเรือนยูเครนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งรายงานการดักสัญญาณวิทยุนี้ ถูกเผยแพร่ในนิตยสารสปีเกล (Spiegel) ระบุว่า การสื่อสารที่ถูกดักฟังได้นี่ เชื่อมโยงกับการโหดร้ายในการสังหารหมู่พลเรือนในเมืองบูชา

ในการสื่อสารทางวิทยุ ทหารรัสเซียได้พูดคุยถึงวิธีที่พวกเขาถามทหารยูเครนและพลเรือนก่อนที่จะยิงพวกเขา

ตามรายงานของ Spiegel ซึ่งอ้างอิงถึงบุคคลซึ่งได้เข้าร่วมการประชุมโดยอ้อมซึ่งเจ้าหน้าที่ BND ได้ส่งหลักฐานใหม่ไปรายงานต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการบันทึกดังกล่าว จะทำให้การปฏิเสธของรัสเซียเป็นโมฆะโดยสิ้นเชิง

ในการสนทนาทางวิทยุอีกชิ้นหนึ่ง ได้ยินเสียงรัสเซียบอกใครบางคนว่าเขาและทหารอีกคนหนึ่งยิงคนที่เคยขี่จักรยานได้อย่างไร ซึ่งตรงกับหนึ่งในภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาคือภาพศพของคนที่อยู่ข้างจักรยาน

นอกจากนั้น ข้อมูลข่าวกรองยังรายงานถึงความเชื่อได้ว่า กองกำลังวากเนอร์ กลุ่มทหารรับจ้างภายใต้สังกัดของรัฐบาลรัสเซีย มีส่วนสำคัญในการสังหารหมู่พลเรือน ซึ่งกองกำลังดังกล่าวเคยมีวีรกรรมอันฉาวโฉ่แบบเดียวกันนี้ในช่วงสงครามกลางเมืองซีเรีย