ราคาน้ำมันพุ่งอีก ไป 119$ต่อบาร์เรล หอการค้า ชงต่ออายุตรึงดีเซล คาดดัชนีบริโภคดิ่ง

ราคาน้ำมันพุ่งอีกแตะ $119 ต่อบาร์เรล หวั่นเงินเฟ้อทั่วโลก หอการค้า ฟันธง ศึกรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ ทำราคาพุ่ง ลิตรละ 7.50 บาท ชงรัฐบาลต่ออายุตรึงดีเซล -คาดดัชนีบริโภคดิ่ง นักท่องเที่ยวรัสเซียหาย 2 แสนคน

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 3 มีนาคมระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอีกในวันเดียวกันนี้ ผลจากวิกฤตความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งสงสัญญาณว่าโลกอาจต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากความเห็นจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยจากนักลงทุนไปได้และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้านี้

รายงานระบุว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์ปรับตัวสูงขึ้นไปแตะถึง 119 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนับวาเป็นราคาที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012 และนับว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์แล้วในรอบสัปดาห์ ด้านน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอ ปรับตัวสูงขึ้นเป็ฯ 116.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008

ขณะที่ราคาถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ เรื่อยไปจนถึงอลูมิเนียม ก็ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกันผลจากการที่ชาติตะวันตกประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชีย เปิดตลาดปรับตัวขึ้นตามๆกันไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ปรับตัวสูงขึ้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ นิคเคอิ255 ของญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 0.8 ปอร์เซ็นต์ ขณะที่ดัชนีเอ็มเอสซีไอ ดัชนีตลาดหุ้นรวมนอกญี่ปุ่น ปรับตัวสูงขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน

ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปยังปรับตัวไม่มากนักในวันเดียวกันนี้ โดยตลาดหุ้นลอนดอน ปรับตัวเพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นเยอรมนี ปรับตัวลดลง 0.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้นเพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในวันก่อนหน้าปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันไม่ว่าจะเป็น เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 1.9 เปอร์เซ็นต์ ดาวโจนส์ ปรับขึ้น 1.8 เปอร์เซ็นต์ แนสแดค ปรับตัวขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์

การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐมีขึ้นหลังจากเจอโรม พาเวล ประธานเฟด ออกมาเปิดเผยว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยอ้างอิงในประเทศขึ้นเพียง 0.25 จุด ในเดือนนี้ และเปิดเผยว่าสงครามในยูเครนนั้นส่งผลให้การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจนั้นไม่แน่นอนอย่างมาก

ด้านราคาคริปโทเคอร์เรนซีในวันเดียวกันนี้ร่วงลงตามๆกัน โดยบิตคอยน์ ไม่สามารถผ่านพ้นแนวต้านที่ 45,000 ดอลลาร์สหรัฐไปได้ โดยในวันเดียวกันนี้ราคาร่วงลงไป 1.7 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 43,470 ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับเอเธอเรียม ร่วงลง 3.03 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 2,908 ดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน มีแนวโน้มยืดเยื้อ โดยเฉพาะท่าทีของ NATO และการพิจารณารับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลต่อราคาพลังงานในตลาดโลก

ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรระมัดระวังเรื่องการชำระเงิน และรับคำสั่งซื้อ ซึ่งอาจเกิดความล่าช้าในการชำระเงินมากกว่าปกติ แต่คาดว่าผู้ประกอบการไทยอาจจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก เนื่องจากไทยกับทั้งรัสเซียและยูเครน มีปริมาณการค้าต่อกันไม่มาก ประมาณ 0.5% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทย และ 0.9% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดของไทย

รวมถึงอาจพิจารณาไปใช้ช่องทางอื่นในการรับชำระเงิน เช่น การชำระเงินผ่านระบบ SWIFT กับธนาคารในประเทศรัสเซียที่ไม่ถูก sanction การชำระเงินผ่านระบบ CIPS ของจีน หรือ การชำระเงินผ่านประเทศที่สาม โดยได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเตรียมรับมือแล้ว

โดยภาคเอกชนประเมินว่า ผู้ประกอบการไทยที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมยางรถยนต์ อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูป กลุ่ม SME โดยเฉพาะเครื่องสำอางและอัญมณี ที่รัสเซียเป็นลูกค้ารายใหญ่และตลาดกำลังเติบโต รวมทั้งกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ซึ่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย

“หอการค้าไทยคาดว่าสถานการณ์ยืดเยื้อแน่นอน ในระยะสั้นกระทบทางตรงไม่มากนัก แต่ผลทางอ้อมจะสำคัญต่อประเทศไทยเพราะราคาน้ำมันวันนี้ทะลุ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก เมื่อวานอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต้น ๆ ซึ่งมีโอกาสจะทะลุ 120ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศไทย ประมาณ 5.0-7.5 บาทต่อลิตร เมื่อเทียบกับปลายเดือนก.พ. ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแน่นอน ทำให้ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย เพราะสินค้ามีราคาแพง ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ช่วยลดภาษี และตรึงราคาน้ำมันภายในประเทศในช่วงนี้ และอยากให้พิจารณามาตรการนี้ต่อหากเหตุการณ์ยืดเยื้อ” นายสนั่น กล่าว

ด้านท่องเที่ยวคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวรัสเซียอาจจะหายไป2.5 แสนคน จากเป้าหมาย5 แสนคน เพราะเดินทางไม่ได้ แต่หวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดิอาระเบียเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนรายได้ในส่วนนี้

นอกจากนี้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ทั้งโลก ข้าวสาลีและข้าวโพด จะเพิ่มสูงขึ้น เพราะยูเครนเป็นประเทศที่ส่งออกใหญ่ของโลก จึงเสนอใฟ้ภาครัฐควบคุมราคาวัตถุดิบภายในประเทศ ในขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นโอกาสของธุรกิจมันสำปะหลังของไทย ที่จะเข้ามาทดแทนส่วนนี้ในอนาคต

นายสนั่น กล่าวว่า ผลกระทบระยะกลางและระยะยาว จะเกิดภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ จึงขอเสนอให้ภาครัฐเร่งเจรจาจัดทำ Transit Agreement กับประเทศจีน และให้ศึกษาการใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางภาษีของสหภาพยูเรเซีย เพื่อพิจารณาเป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้าใหม่

นอกจากนั้น ยังคงต้องติดตามภาวะเงินเฟ้อและการส่งออกอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ ทั้งนี้ ภาครัฐควรรักษาอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับ 32.5-33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐด้วย

—————————————————————————–


🔥 “มติชนสุดสัปดาห์-ศิลปวัฒนธรรม-เทคโนโลยีชาวบ้าน” ส่งเร็ว-อ่านเร็ว “วันเดียวถึงมือคุณ”🔥
.
📣 “กลุ่มมติชน-งานดี” ผนึกกำลัง “ไปรษณีย์ไทย” เอาใจสมาชิกนิตยสาร ทั้ง “มติชนสุดสัปดาห์-ศิลปวัฒนธรรม-เทคโนโลยีชาวบ้าน” ยกระดับความรวดเร็วในการจัดส่ง ด้วยบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS เสิร์ฟสาระความรู้สุดเข้มข้น จัดเต็มเรื่องเด่น ประเด็นดัง ส่งตรงถึงมือสมาชิกนักอ่านทั่วประเทศแบบทันใจ! 📣
.
🎯 บริการ EMS การันตีถึงมือคุณด้วยความรวดเร็ว
🎯 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพียง 1 วัน
🎯 ต่างจังหวัดเขตอำเภอเมือง 1-2 วัน
🎯 ค่าจัดส่งราคาเดิม
(การจัดส่งเป็นไปตามมาตรฐาน EMS ของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด)
.
สนใจสมัครสมาชิกนิตยสาร “มติชนสุดสัปดาห์-ศิลปวัฒนธรรม-เทคโนโลยีชาวบ้าน” ติดต่อได้ที่
📍 LINE ID: @matichonbook
📍 เว็บไซต์: https://www.matichonbook.com/category/index?id=480
📍 โทร. 089-531-0718
.
#มติชน #งานดี #สมัครสมาชิก #นิตยสาร #มติชนสุดสัปดาห์ #MatichonWeekly #ศิลปวัฒนธรรม #SilpaMag #เทคโนโลยีชาวบ้าน #Technologychaoban