ไต้หวัน ประณามรัสเซีย ละเมิดอธิปไตยยูเครน-จีนห่วงบานปลาย ขอทุกฝ่ายอดกลั้น

ไต้หวัน ประณามรัสเซีย ละเมิดอธิปไตยยูเครน เรียกร้องทุกฝ่ายแก้ปัญหาอย่างสันติ จีนห่วงสถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ขอทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น ใช้เจรจาหาทางออก

ไช่ อิง เหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน แถลงเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์หลังหารือกับทีมตอบสนองต่อสถานะของยูเครน ในสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสซี) ประณามการกระทำละเมิดอธิปไตยประเทศยูเครนของรัสเซีย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติและด้วยเหตุผล พร้อมทั้งระบุว่า ไต้หวันพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในทุกความพยายามที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติ

ทั้งนี้ทำเนียบประธานาธิบดีได้เผยแพร่คำสั่งของประธานาธิบดีเกี่ยวกับกรณียูเครนเพิ่มเติมด้วยไม่ว่าจะเป็นคำสั่งให้เตรียมความพร้อมทางการทหารเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โดยรอบไต้หวันและภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้รัฐบาลป้องกันและต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือนที่ถูกใช้เพื่อบั่นทอนความภักดีของประชาชนไต้หวัน และมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อจับตามองความผันผวนทางการเงินและการค้า ที่เป็นผลจากวิกฤตยูเครน ที่กระทบต่อตลาดพลังงาน อาหาร และตลาดหุ้น ทั้งในและต่างประเทศด้วย

ด้านหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครนว่า เลวร้ายลงเรื่อยๆ พร้อมเรียกร้องขอให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นและใช้การเจรจาหาทางออกจากวิกฤตนี้

โดยกระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยผ่านแถลงการณ์กล่าวถึงการสนทนากันระหว่างหวัง อี้กับแอนโทนี บลิงเก้น รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผ่านทางโทรศัพท์ว่า สถานการณ์เลวร้ายลง และจีนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจอีกครั้ง

ขณะที่บลิงเก้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ท่ามกลางพฤติการณ์ก้าวร้าวของรัสเซีย

ท่าทีของทั้งไต้หวันและจีน มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่เสี่ยงใกล้เข้าสู่สงครามเข้าไปทุกที โดยล่าสุดมีรายงานจากกองทัพยูเครนว่า มีนายทหารยูเครนต้องเสียชีวิตอีก 1 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 6 นาย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จากการโจมตีของกลุ่มกบฏสนับสนุนรัสเซียในพื้นที่ นับเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กองทัพยูเครนเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเพจว่า สามารถบันทึกเหตุยิงโจมตีโดยกลุ่มกบฏในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามากถึง 96 เหตุการณ์ เพิ่มขึ้นกว่าวันก่อนหน้าที่มีเกิดขึ้น 84 เหตุการณ์ และมีการเปิดเผยด้วยว่ากลุ่มกบฏใช้อาวุธหนักอย่างปืนใหญ่ ปืนครก และระบบยิงจรวดแกรดที่ยิงได้จากบนรถบรรทุก

ทั้งนี้ กองทัพยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าเป็นฝ่ายยั่วยุทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น และว่า รัสเซียพยายามใช้เหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้างในการรับรองเอกราชของแคว้นโดเนตสค์และลูฮานสค์ และเคลื่อนทัพเข้าสู่พื้นที่ และอาจทำให้เกิดวิกฤตที่นำไปสู่สงครามครั้งใหญ่ได้

 

ผลประโยชน์รัสเซีย ต่อรองไม่ได้!

ส่วนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ใช้โอกาสเนื่องใน”วันพิทักษ์ปิตุภูมิ” ซึ่งตรงกับวันที่ 23 กุมภาพันธ์ อันเป็นวันหยุดราชการของรัสเซีย กล่าวผ่านวิดีโอเทปเผยแพร่ในวันเดียวกันถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นว่า ประเทศของเราเปิดกว้างสำหรับการเจรจาโดยตรงและอย่างตรงไปตรงมาและหาวิธีแก้ปัญหาทางการทูตต่อปัญหาต่างๆที่มีความซับซ้อนมากที่สุดเสมอมา อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ของรัสเซียและความมั่นคงของพลเมืองเรา เป็นเรื่องที่เจรจาต่อรองไม่ได้

ปูตินยังกล่าวอวยพรเพื่อนร่วมชาติและแสดงความเชื่อมั่นในความเป็นมืออชีพของกองทัพรัสเซียที่จะยืนหยัดเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งยังชื่นชมในความพร้อมรบของกองทัพรัสเซีย นอกจากนี้ปูตินกล่าวอีกว่า รัสเซียจะยังคงพัฒนาอาวุธชั้นสูงที่มีความก้าวล้ำนำสมัยต่อไป

“เราจะยังคงพัฒนาระบบอาวุธชั้นสูง รวมถึงไฮเปอร์โซนิก(ความเร็วเหนือเสียง) และเพิ่มการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลชั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์(เอไอ)ต่อไป” ปูตินกล่าว โดยชี้ว่าอาวุธที่ใช้เทคโลยีซับซ้อนเช่นนี้เป็นอาวุธแห่งอนาคตที่แท้จริง ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพในการสู้รบของกองทัพรัสเซียอย่างมีนัยสำคัญ

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวหลังจากสภาสูงของรัสเซียได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ ให้ส่งกองทัพรัสเซียเข้าไปในแคว้นโดเนตสค์และแคว้นลูฮานสค์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ในนามการรักษาสันติภาพตามคำสั่งของผู้นำรัสเซีย หลังจากปูตินลงนามรับรองการประกาศเอกราชของทั้งสองดินแดนดังกล่าวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสั่งส่งกำลังทหารรัสเซียเข้าไปรักษาสันติภาพในดินแดนดังกล่าว