สรุปข่าวต่างประเทศ : ความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี / ปะทะโรฮิงญา / เคอร์ฟิวเมืองฮุสตัน

AFP PHOTO

เกาหลีใต้

โซล – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกาหลีเหนือจุดไฟแห่งความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีขึ้นอีกด้วยการยิงขีปนาวุธจากฐานส่งใกล้กับกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ข้ามน่านฟ้าของญี่ปุ่น ไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ ห่างจากชายฝั่งเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นไปราว 1,180 กิโลเมตร เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 สิงหาคม โดยคาดกันว่าขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบน่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางฮวาซอง 2 ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีระบุว่าน่าจะเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธที่มีศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ข้ามแดนญี่ปุ่น โดยการยิงจรวดข้ามแดนญี่ปุ่น 2 ครั้งก่อนหน้านี้ของเกาหลีเหนือคือในปี 1998 และปี 2009 เป็นการยิงยานขนส่งดาวเทียม ไม่ใช่อาวุธ

การกระทำดังกล่าวจุดปฏิกิริยาร่วมในการหาทางตอบโต้เกาหลีเหนือขึ้นในทันที โดย นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และเห็นพ้องกันที่จะเพิ่มการกดดันเกาหลีเหนือมากขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดี มุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ได้สั่งการกองทัพแสดงแสนยานุภาพทางทหารอย่างเต็มที่เพื่อตอบโต้การยั่วยุของเกาหลีเหนือ ด้านรัสเซียแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมเตือนว่าจะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย ส่วนจีนเตือนว่าความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสู่จุดสูงสุดและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดการกระทำยั่วยุพร้อมขอให้เกาหลีเหนือยุติการทดสอบขีปนาวุธใดๆ เพื่อแลกกับการหยุดซ้อมรบร่วมของสหรัฐและเกาหลีใต้

พม่า

ย่างกุ้ง – สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ชะตากรรมของชาวมุสลิมโรฮิงญา ในรัฐยะไข่ ประเทศพม่า เป็นที่น่าห่วงวิตกอย่างหนักอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุปะทะรุนแรงระหว่างกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญากับกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของพม่าขึ้นอีกครั้งเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน หลังมีรายงานกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาก่อเหตุโจมตีสถานีตำรวจ 13 แห่งในรัฐยะไข่ เหตุปะทะดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่าร้อยคน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มติดอาวุธราว 80 คน และยังผลให้ชาวโรฮิงญาจำนวนมากต้องอพยพหนีภัยความรุนแรงไปยังประเทศบังกลาเทศ แต่ก็ถูกผลักดันกลับเข้าไปในประเทศพม่า ส่งผลให้มีรายงานชาวโรฮิงญาอพยพเข้าไปในบังกลาเทศแล้วราว 3,000 คน และมีตกค้างอยู่ตามแนวชายแดนพม่าและบังกลาเทศอีกอย่างน้อยกว่า 6,000 คนจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นของทางการบังกลาเทศ ขณะที่องค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้บังกลาเทศให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญาเหล่านี้

ด้านรัฐบาล นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ แถลงประณามกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุในรัฐยะไข่เป็นผู้ก่อการร้ายและใช้เด็กเป็นแนวหน้าในการโจมตีกองกำลังฝ่ายความมั่นคง ด้านกองทัพกู้ชาติอาระกันโรฮิงญา ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่โต้กลับกองกำลังรัฐบาลพม่าที่นำกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง (ชาวพุทธ) เข้ามาทำร้าย ปล้นทรัพย์สินและเผาบ้านเรือนของชาวโรฮิงญา

มีรายงานว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก จะเสด็จเยือนประเทศพม่าและบังกลาเทศในปลายปีนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้พระองค์ทรงออกมาแสดงความห่วงใยต่อชะตากรรมอันเลวร้ายที่ชาวโรฮิงญาประสบจากการถูกเหยียดเชื้อชาติศาสนาและต้องเป็นบุคคลไร้สัญชาติที่ทางการพม่าไม่ยอมรับ

สหรัฐอเมริกา

ฮุสตัน – สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายกเทศมนตรีเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ประกาศใช้ภาวะเคอร์ฟิวช่วงเวลา 00.50-05.00 น. ของทุกวันตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อป้องกันก่ออาชญากรรม หลังจากที่มีผู้ฉวยโอกาสก่อเหตุปล้นทรัพย์สินในช่วงเวลาที่เมืองแห่งนี้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของสหรัฐ กำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่จากฤทธิ์เฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งขึ้นฝั่งพัดถล่มที่เขตคอร์ปัสคริสตี ในเมืองฮุสตันมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดน้ำท่วมหนักกลายเป็นเมืองบาดาล บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้รับความเสียหาย ประชาชนกว่าหมื่นคนต้องอพยพหนีน้ำไปยังศูนย์พักพิงต่างๆ และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 ราย ขณะที่แม้เฮอร์ริเคนลูกนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว แต่คาดว่าอิทธิพลของพายุจะยังคงทำให้มีฝนตกหนัก โดยปริมาณน้ำฝนที่วัดได้ในเขตซีดาร์บายู ในรัฐเท็กซัสจากฤทธิ์เฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ทำสถิติสูงสุดในภูมิภาคใดๆ ของสหรัฐอยู่ที่ 51.88 นิ้ว และนับเป็นพายุเฮอร์ริเคนที่มีฤทธิ์รุนแรงมากที่สุดที่พัดถล่มรัฐเท็กซัสในรอบกว่า 50 ปี

ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้เดินทางไปดูสถานการณ์ที่เขตคอร์ปัสคริสตี แต่ไม่เดินทางไปเมืองฮุสตันที่ได้รับผลกระทบหนัก โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้การเดินทางมาของตนไปขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย