ลุงป้อม นำถก แก้ยากจน สร้างสันติสุขชายแดนใต้ เผยพอใจแก้ปัญหาแรงงานกลับจากต่างประเทศ ช่วงโควิด

ลุงป้อม ถก กพต. แก้ความยากจน สร้างสันติสุขชายแดนใต้ พอใจแก้ปัญหาแรงงานกลับจากต่างประเทศ ช่วงโควิด

วันนี้ (13 ธ.ค. 2565) ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กพต. เป็นประธานในการประชุม ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาและรับฟังความคืบหน้าการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูรเลขา ศอ.บต. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กพต. กล่าวว่าที่ประชุมได้รายงานผลการขับเคลื่อนโครงการ “ตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน” เพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย อย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่จชต. ผ่านโครงการนำร่อง “1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน” โดย พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำ การทำงานให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และกำหนดให้ปี 65 เป็น “ปีแห่งการแก้ปัญหาความยากจน” และรับทราบความสำเร็จ การดำเนินงานแก้ปัญหาการว่างงานของแรงงาน ที่กลับจากต่างประเทศเนื่องจากภาวะโควิด-19 สามารถแก้ปัญหาแรงงาน ระยะที่1 ได้ 3,748 คน ระยะที่2 ได้ 11,257 คนและระยะที่3 กำลังดำเนินการภายในมี.ค.65 โดยตั้งเป้าไว้ 5,000 คน สั่งการให้กระทรวงแรงงาน ร่วมกระทรวงการต่างประเทศ ทบทวนและปรับปรุงระเบียบกฎหมายการทำงานต่างประเทศให้ทันสมัย รองรับการทำงานหลังโควิด-19 รวมทั้งได้รับทราบความสำเร็จ ในการพัฒนารูปแบบการทำงาน ด้านการเรียนรู้ภาษาไทยกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 2-5 ขวบ โดยเด็กมีพัฒนาการด้านการใช้ภาษาไทยเพิ่มขึ้นตามลำดับ และ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เร่งขยายผลการดำเนินการ ต่อไป

จากนั้น ที่ประชุม กพต.ได้พิจารณาเห็นชอบโครงการที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภายใต้โครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริฯ “ครัวโรงเรียนสู่ครัวบ้าน” มุ่งสร้างทรัพยากรมนุษย์จากประถมศึกษาจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาและมาบรรจุเป็นข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่บ้านเกิด รวมทั้ง พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์หลักสูตรเข้มข้น และเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนเทคโนโลยีและนวัตกรรม ,โครงการจัดตั้งหอเฉลิมพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ กับการพัฒนา จชต. ,การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนภายใต้แผนปฎิบัติการส่งเสริมวิถีไทยในจชต. พ.ศ.2565-2570 ,การสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” และเห็นชอบการสนับสนุนให้เปิดท่าอากาศยานเบตง ปี 65-66 เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการขับเคลื่อนการพัมนาทรัพยากรมนุษย์ข้างต้น เป็นไปตามข้อสั่งการของ ประธาน กพต. ในการประชุมครั้งที่ 3/2564 ที่ผ่านมา โดยทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการการทำงานร่วมกัน

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ ศอ.บต.,กระทรวงต่างๆ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน ที่ผ่านมาโดยมีความก้าวหน้าและความสำเร็จเป็นรูปธรรม หลายโครงการ พร้อมขอให้มีการขับเคลื่อน ขยายผลให้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ต่อไป กำชับ กพต.ให้ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ในการกำกับดูแล แผนงานให้เป็นไปตามมติ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในจชต. ให้มีความอยู่ดีกินดี มีการศึกษาที่ดี มีงานทำมีรายได้ ควบคู่การสร้างความเข้าใจ กับทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความมีสันติสุขในพื้นที่ จชต.โดยเร็ว และยั่งยืน พร้อมนี้ สั่งการเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการร่วมมือกันผลักดันและทำงานให้เกิดผลสำเร็จเป็นธูปธรรมโดยเร็วที่สุด พร้อมมอบหมายให้ ศอ.บต. ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินงานตามมติ กพต. และข้อสั่งการให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และมอบหมาย ศอ.บต. เป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารการพัฒนาเพื่อสนับสนุนข้อมูลของทุกส่วนราชการและภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมกับสื่อมวลชนของทุกส่วนราชการ และกระทรวงการต่างประเทศนำข้อมูลไปเผยแพร่และขยายผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่สาธารณะ

ในส่วนของการหารือพิจารณาเปิดการให้บริการท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา ศอ.บต. เสนอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในช่วง 2 ปีแรก เนื่องจากกรมท่าอากาศยานมีรายได้ไม่เพียงพอในการรองรับการบริหารจัดการ เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด 19

ทั้งนี้ที่ประชุมมีการเห็นชอบให้ดำเนินการในลำดับต่อไป และขอให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงการคลังและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำงานเพื่อเปิดใช้สนามบินเบตงให้ได้ ภายในต้นปี 2565 นี้ ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาไว้เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา