“สร.รฟท.” เปิดเวทีเสวนาเสนอรัฐ 3 ข้อ พร้อมยันจุดยืนค้านปิดหัวลำโพง

“สร.รฟท.” เปิดเวทีเสวนาเสนอรัฐ 3 ข้อ พร้อมยันจุดยืนค้านปิดหัวลำโพง

นายสาวิชย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เปิดเผยภายหลังการจัดกิจกรรมเสวนาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เรื่องการหยุดให้บริการเดินขบวนรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร เป็นการพัฒนา หรือผลักภาระให้ประชาชน ที่บริเวณห้องโถงสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)​ ว่า สร.รฟท. มีข้อเสนอต่อรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาดังต่อไปนี้

1.การให้มีบริการขบวนรถไฟรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ควรมีอยู่ต่อไป โดยให้มีขบวนรถไฟชานเมืองทุกสาย และรถบริการเชิงสังคม (พีเอสโอ) ทางไกล อย่างน้อยเส้นทางละ 1 ขบวน มีต้นทาง-ปลายทางที่สถานีกัวลำโพง เพื่อเป็นบริการขนส่งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐ ที่รองรับประชาชนจำนวนมากจากทั่วทุกส่วนภูมิภาคเข้ามาสู่กรุงเทพฯ ด้วยความสะดวก ปลอดภัย ส่วนที่สถานีกลางบางซื่อ ให้เป็นต้นทาง-ปลายทาง ของขบวนรถเชิงพาณิชย์และขบวนอื่นๆ ที่จะมีต่อไปในอนาคต

นายสาวิชย์ กล่าวอีกว่า 2.การแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯ​ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการขนส่งทางรางเป็นระบบหลัก ซึ่งในประเทศที่เจริญแล้วต่างก็ใช้ระบบขนส่งทางรางเป็นระบบขนส่งหลักในเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ส่งเสริมให้ลดปริมาณการใช้รถยนต์ เนื่องจากขนส่งคนได้เป็นจำนวนมาก ไม่สร้างมลภาวะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทางแก้ควรขยายทางยกระดับข้ามทางรถไฟ หรือขุดอุโมงค์ที่ถนนตัดผ่านเสมอระดับทางที่ยมราช โดยรัฐบาลควรดำเนินการเร่งรัดโครงการก่อสร้างโครงข่ายรถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยายให้เต็มรูปแบบ ที่ดำเนินการโดยรัฐทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการ เพื่อควบคุมราคาค่าบริการและเป็นรัฐสวัสดิการให้กับประชาชน

นายสาวิชย์ กล่าวว่า และ 3.การพัฒนาพื้นที่ในเชิงพาณิชย์เพื่อมาชดเชยผลการดำเนินงานที่ขาดทุนของการรถไฟฯ ควรดำเนินการจากที่ดินของการรถไฟฯ ในพื้นที่ที่มีความพร้อม อาทิ พื้นที่ย่านพหลโยธิน บางซื่อ จตุจักร รัชดาภิเษก หรือพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพและความพร้อมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ พิษณุโลก อรัญประเทศ สงขลา และพังงา เป็นต้น

นายสาวิชย์ กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นที่ดินที่มีวัตถุประสงค์ในการใช้เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน ดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวกับการขนส่งของรถไฟที่ใช้สำหรับการเดินรถ การนำมาใช้เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ อาจเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดกับวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 มาตรา 6 ต้องการที่จะหาประโยชน์จากการพัฒนาที่ดิน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีหัวลำโพงด้วย ไม่จำเป็นต้องปิดสถานีหัวลำโพง และหยุดให้บริการเดินรถไฟแต่อย่างใด เพราะการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์กับการขนส่งสาธารณะทางรถไฟสามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้

“ส่วนกรณีที่อ้างว่าการรถไฟฯ ขาดทุนต้องพูดความจริงให้หมด ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มาตรา 43 ถ้ารายได้มีจำนวนไม่พอสำหรับรายจ่าย (ขาดทุน) รัฐพึงจ่ายเงินให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเท่าจำนวนที่ขาด โดยการรถไฟฯ ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐในการให้บริการเชิงสังคมที่ต่ำกว่าต้นทุน ขาดทุนสะสมกว่า 190,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลไม่ได้จ่ายเงินชดเชยให้ตามเวลา และตามจำนวนที่ขาด จนทำให้การรถไฟฯ ต้องไปกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง และรับภาระดอกเบี้ยประมาณ 3,000 ล้านบาท/ปี” นายสาวิชย์ กล่าว