23 พ.ย. 2564 – นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามในหัวข้อ “โควิดก็ยุ่งเหยิง เศรษฐกิจก็รุ่งริ่ง : ถามจริง เผด็จการเขาแก้ปัญหากันแบบนี้เหรอ?! ทางเฟซบุ๊กและยูทูปคิดเคลื่อนไทยและแคร์ คลับเฮาส์กรณี True และ DTAC ควบรวมกิจการกันซึ่งทรูก็เป็นของซีพี

โทนี่ กล่าวว่า ถ้าเป็นลักษณะนิติบุคคล ถือว่าเป็นคนละนิติบุคคล ซึ่งโดยหลักธุรกิจต้องยอมรับว่าทรูสู้เอไอเอสไม่ไหวมานานแล้ว ดีแทคก็สู้เอไอเอสไม่ไหวมานานแล้ว จึงต้องควบรวมเพื่อแข่งให้ได้ และอยู่รอด

แม้ตัวเลขลูกค้าจะเยอะ แต่การบริหารเป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่อการลงทุนของลูกค้าหนึ่งราย และรายได้จากลูกค้าหนึ่งรายเป็นอย่างไร สิ่งนี้ยังแพ้กันอยู่ เมื่อควบรวมแล้วเขาคิดว่าจะสู้ได้

หากมองในมุมธุรกิจมือถือ ถือว่าไม่ได้ผูกขาด เพราะแข่งกันมาทั้งชีวิตและแข่งกันต่อไป ขณะที่เอไอเอสนั้นแข็งด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้หากมีชื่อทักษิณตายห่าไปนานแล้ว

ในมุมมองกฎหมายต้องว่ากันไปเป็นเรื่องของแต่ละบริษัท ไม่ใช่ว่าใครรวยแล้วมีหลายบริษัท ตรงนี้ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย แต่มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะระบบทุนนิยม ธนาคารมักปล่อยกู้ให้คนตัวใหญ่ ไม่ปล่อยกู้ให้คนตัวเล็ก เพราะไม่เชื่อว่าคนตัวเล็กจะโตได้ แต่มั่นใจว่าคนตัวใหญ่จะอ้วนได้ซึ่งมันง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม ต้องให้แบงก์ชาติกระจายการปล่อยกู้ให้คนตัวเล็กบ้าง ส่วนในมุมมองของรัฐ ที่ตนเลี่ยงไม่ตอบ เพราะนายกฯ ต้องมีคณะกรรมการของกระทรวงพาณิชย์ และมี กสทช.เข้ามาร่วมกัน ซึ่งตนไม่ได้อัปเดทข้อมูล อยู่ต่างประเทศมา 15 ปีแล้วเลยไม่อยากฟันธงในเรื่องนี้