‘เรืองไกร’ จ่อร้อง กกต. สอบ กก.พท. ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะหรือไม่ หลัง ‘ยุทธพงศ์’ แถลงปมเบนซ์หรู

‘เรืองไกร’ เตรียมร้อง ‘กกต.’ ตรวจสอบ กก.พท. ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะหรือไม่ จากกรณี ‘ยุทธพงศ์’ แถลงข่าวปมเบนซ์หรู

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กล่าวว่า หลังจากติดตามการแถลงข่าวของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่พรรค พท. และมีการโพสต์ลงในเฟซบุ๊กพรรค พท. เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนายยุทธพงศ์กล่าวว่า ตนนำเงินสด 5 ล้านบาท ไปซื้อเบนซ์หรูนั้น ข้อความที่กล่าวอ้างเรื่องนำเงินสด 5 ล้านบาท ไปซื้อรถนั้นเป็นเท็จและเป็นการบิดเบือนข้อมูล เพราะความจริงคือ ตนนำแคชเชียร์เช็คจำนวน 4.5 ล้านบาท ไปซื้อรถคันดังกล่าว

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า การแถลงข่าวดังกล่าวจึงเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 22 ประกอบข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 113 และ 114 และมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 3 วรรคสอง และข้อ 15 ตามมา กรณีที่เข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรา 22 ดังกล่าว อาจทำให้กรรมการบริหารพรรค พท. ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะตามมาได้ ซึ่งเรื่องนี้ พ.ร.ป.พรรคการเมือง บัญญัติให้เป็นหน้าที่และอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะต้องดำเนินการเสนอเรื่องต่อ กกต. โดยจากข้อเท็จจริงการแถลงข่าวดังกล่าว ซึ่งเป็นคลิปความยาวประมาณ 45 นาที และเหตุเกิดที่พรรคเพื่อไทย มีการลงในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทยเผยแพร่สู่สาธารณะ ดังนั้น กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยจึงต้องรับรู้ด้วย รวมทั้งรายการ Wake up Thailand ของ Voice TV ยังได้นำคลิปดังกล่าวไปตัดต่อและเผยแพร่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนจนทำให้ตนถูกดูหมิ่นเกลียดชังด้วยถ้อยคำต่างๆ มากมาย

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า จากคลิปดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เพียงพอที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปหลายฉบับ ทั้งสมาชิกและกรรมการของพรรค พท.รวมทั้งกรรมการ บรรณาธิการ และพิธีกร ของ Voice TV ด้วย แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้น ตนจะร้องไปที่นายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อให้ตรวจสอบว่ากรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทั้งคณะจะถูก กกต.มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 22 หรือไม่ และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร จะเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 104 ซึ่งมีโทษปรับและถูกศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้าปีตามมาด้วยหรือไม่ โดยตนจะส่งหนังสือร้องไปยังนายทะเบียนพรรคการเมืองในเช้าวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ทางไปรษณีย์