“สมชัย” ซัด ส.ว. สภาผู้เฒ่า ตัวถ่วงเปลี่ยนแปลงสังคม หลังโหวตสวนไม่เอาร่างแก้ไขทุกฉบับ

ที่มาภาพ : ilaw และ Elect

วันที่ 25 มิถุนายน 2564 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อท่าทีของวุฒิสภาแต่งตั้ง 250 คนจาก คสช.ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อคืนนี้ ซึ่งได้มีมติไม่รับหลักการทุกฉบับ รวมถึงฉบับร่างของพรรคเพื่อไทยที่ตัดอำนาจส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม รวมถึงสมชัยที่เรียกให้ส.ว.แต่งตั้งชุดนี้ เป็น สภาผู้เฒ่า เป็นตัวเหนี่ยวรั้งการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ชัดเจน

นายสมชัยกล่าวว่า แม้ สภาผู้แทนจะลงมติ อย่างเป็นเอกภาพ เทเสียงเกือบทั้งสภา เห็นชอบในทุกฉบับที่มีเสนอแก้ไข แต่หาก ส.ว. ไม่เอา ทุกฉบับตั้งแต่ 1-12 ก็ตกไป ตามเงื่อนไข มาตรา 256 ที่ต้องมี ส.ว. หนึ่งในสามร่วมเห็นชอบ

แต่การที่ ส.ว. ลงมติรับหลักการเป็น 0 ในฉบับที่ 1 ของ พปชร. เป็นปัญหาที่เกิดจากร่างของ พปชร. ที่วางแผนผิด นำ 5 ประเด็นแก้ไข 15 มาตรา มาผูกรวมในร่างเดียว และเมื่อมีการเปิดประเด็นทำลายหลักการป้องกันการทุจริตของบทลงโทษในมาตรา 144 และ 185 แม้จะรับปากว่าจะไปแก้ในขั้นแปรญัตติ แต่ก็ไปต่อได้ยาก ส.ว. จึงเลือกทิ้งร่าง พปชร. และ ไปหนุน ฉบับที่ 13 เรื่องแก้บัตรเลือกตั้ง แทน

ส่วนร่างฉบับที่ 13 ของ ปชป. แม้เป็นประเด็นแก้บัตรเลือกตั้งเป็นสองใบ และเปลี่ยนวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กลับเป็นแบบเดิมตามรัฐธรรมนูญ ปี 40 และ 50 แต่โดยเจตนาต้องการใช้เป็นร่างประกบ มิได้เตรียมการเป็นร่างหลัก ดังนั้น เนื้อหาที่เสนอแก้ไขจึงมีเพียง 2 มาตรา คือ มาตรา 83 และ มาตรา 91 ทั้ง ๆ ที่ หากจะแก้ระบบเลือกตั้ง ควรต้องแก้อย่างน้อย 8 มาตรา คือ มาตรา 83 , 85 , 86 , 90 , 91 ,92 ,93, และ 94

ถึงกระนั้น การรับหลักการร่างที่ 13 เพียงร่างเดียวของ ส.ว. จึงเป็นการหลับหูหลับตาลงมติตามโพย ที่กำหนดให้ ทิ้ง 1 รับ 13 โดยไม่มองรายละเอียดว่า ไปต่อไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ หากจำเป็นต้องทิ้ง 1 ยังมีร่างฉบับที่ 3 ของเพื่อไทย ที่เป็นข้อเสนอแก้ระบบเลือกตั้งในรายละเอียดและเหมือนกับร่าง พปชร. แทบทุกประการ พร้อมมีเนื้อหาครบทั้ง 8 มาตรา แต่ไม่ยอมรับหลักการด้วยเนื่องจากเป็นของฝ่ายค้าน

อย่างไรก็ตาม การรับหลักการร่างฉบับ 13 ร่างเดียว จึงไปต่อในขั้นแปรญัตติไม่ได้ เพราะแปรอย่างไรเนื้อหาก็จะขัดกับมาตราอื่น ๆ ที่มีอยู่เดิมและไม่ได้รับการแก้ไข ยกเว้นต้องเสนอร่างแก้ไข อีก 6 มาตราที่เหลือเข้ามาอีกรอบ ให้วุ่นวายเล่น

ทั้งนี้ นายสมชัยกล่าวว่า จากกรณีทั้งหมดนี้ ไพบูลย์ นิติตะวัน และ ส.ส. พปชร. สมควรรับผิดชอบที่เสนอร่างแก้ไข โดยเอา มาตรา 144 และ 185 มาผูกรวมเป็นมัดเดียว ในร่างฉบับที่ 1 พลเอกประวิทย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค สมควรรับผิดชอบที่ ไม่รู้เรื่องลูกพรรคทั้งพรรคร่วมลงชื่อในร่างฉบับที่ 1 แล้วตัวเองมาสัมภาษณ์ ในวันก่อนลงมติ ว่า ไม่ถูกต้อง ไม่เห็นด้วย พลเอกประยุทธ์ ยังสบายดี เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของสภา และพรรค ตัวเองไม่เกี่ยว

ที่มาภาพ : ilaw และ Elect