‘วิโรจน์’ สอน ‘ชวน’ โชว์สปิริตฉีดวัคซีน เป็นตัวอย่างให้ลูกหลาน ‘ราเมศ’ สวน ศึกษาคำว่า ‘จิตสำนึกที่ดี’ ก่อน

วิโรจน์ สอน ประธานชวน เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลาน ต้องแสดงสปิริตฉีดวัคซีน เพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง อายุเกิน 60 ปี ‘ราเมศ’ อัดกลับ กลับกลอก กลิ้งไปกลิ้งมา ไล่ไปศึกษาคำว่า ‘จิตสำนึกที่ดี’ หลังให้ ‘ชวน’ ไปฉีดวัดซีนโควิด

วันที่ 20 เมษายน 2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา แสดงสปีริตไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดก่อน ว่า แม้ประธานชวนจะมีสปิริตสูง แต่ต้องยอมรับความจริงว่านายชวนเป็นประชาชนกลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรก

ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขเชิญชวนให้ไปฉีด นั่นคือผู้ที่อายุสูงกว่า 60 ปี หรือที่เรียกว่า “ผู้สูงอายุ” เนื่องจากเป็นกลุ่มที่หากมีการติดเชื้อแล้วอาจมีอาการรุนแรงจนมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มประชากรที่มีอายุน้อย ไม่นับว่าในฐานะประธานชวนที่เป็นผู้แทนราษฎร ต้องพบปะกับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ต้องเข้าร่วมประชุมกับผู้แทนราษฎรอีกหลายร้อยคน

จึงเป็นที่มาของการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้รัฐมนตรีและผู้แทนราษฎรทั้งหลายเป็นเป้าหมายของการฉีดด้วย เนื่องจากหากติดเชื้อไปก็จะไปแพร่กระจายให้คนใกล้เคียงอีกเป็นจำนวนมาก ดังเช่นรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งที่ติดเชื้อ จนส่งผลกระทบต่อการประชุมคณะรัฐมนตรีและการประชุมสภาเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วย

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ดังนั้น ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ท่านประธานชวนจะไม่ไปฉีดวัคซีนในตอนนี้ หากจะบอกว่าต้องรอให้หมอฉีดให้ครบก่อนแล้วประธานชวนค่อยไปฉีด ก็ดูจะไม่ถูกนัก เพราะการที่ประธานชวนจะไปฉีดช้าหรือเร็ว ก็ไม่ส่งผลให้หมอได้รับวัคซีนช้าหรือเร็วขึ้นเช่นกัน เพราะทางกระทรวงสาธารณสุขได้แบ่งโควตาในการฉีดเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเกิดปัญหาว่าฉีดให้บุคลากรสาธารณสุขได้น้อยนั้น ก็คงต้องสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าทำไมจึงยังฉีดได้ไม่เข้าเป้า แต่ทั้งหมดนี้ ไม่เกี่ยวกับการฉีดหรือไม่ฉีดของประธานชวน

“ไม่นับว่าการฉีดวัคซีนของผู้แทนราษฎรนั้น ได้รับการส่งข้อความเชิญมาจากทางสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเองตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 แล้วด้วย การแสดงสปิริตและความรับผิดชอบที่สง่างามที่สุด คิดว่าเป็นการไปฉีดตามที่กระทรวงฯ จัดสรรให้โดยเร็วที่สุดเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม และเป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นที่เคารพของคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป” นายวิโรจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นตอบโต้ว่า การอธิบายสิ่งต่างๆ ให้นายวิโรจน์ฟังยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร นายชวนได้ตอบคำถามที่นักข่าวได้ถามว่าส่วนตัวได้ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง นายชวนตอบว่ารอให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนให้ครบก่อนทุกคน ไม่เช่นนั้นจะหาว่านักการเมืองเอาไปก่อน ขณะที่บุคลากรผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อยังไม่ได้ฉีด จึงรอให้เขาเรียบร้อยก่อน

นายราเมศกล่าวว่า คำพูดที่นายชวนตอบ คือความตั้งใจของนายชวน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เห็นได้ชัดว่าบุคลากรทางการแพทย์คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงและทุ่มเททำงานหนักมากที่สุด ส่วน ส.ส.ที่ได้รับแจ้งให้ไปฉีดวัคซีนนั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้มีการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมี ส.ส.หลายคนที่ไปฉีดมาแล้ว ก็ไม่ได้ผิดกฎเกณฑ์กติกาอะไร สามารถทำได้ เช่นกลุ่มนายวิโรจน์

นายราเมศกล่าวต่อว่า ที่ทุกคนสับสนคือก่อนหน้านี้นายวิโรจน์ยืนยันปั้นหน้าหล่อชัดเจนว่า “ตราบใดที่วัคซีนมีจำกัด จะให้ไปแย่งประชาชนฉีดได้อย่างไร” อีกวันกลับกลอกพูดอีกอย่างว่า “เมื่อมีหมายให้ไปฉีด ก็ต้องไปฉีดตามหมายตามวัคซีนที่ทางการจัดสรรให้เพื่อให้เป็นไปตามแผน”

“ทุกคำพูดของนายวิโรจน์จะเป็นคำอธิบายได้ดีที่สุดว่าเป็นคนแบบไหน แล้วอย่าพยายามบิดเบือนคำพูดนายชวนเพื่อลบการกลับกลอกของตน

“ต้องขอชื่นชม ส.ส.หลายคนที่มีเจตนาเช่นด้วยกับนายชวน ที่มีความเป็นห่วงสถานการณ์การฉีดวัคซีนที่อยากให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ฉีดก่อน ทั้งๆ ที่สามารถไปฉีดวัคซีนได้ นายวิโรจน์คงต้องกลับไปศึกษาความหมายของคำว่า ‘จิตสำนึกที่ดี’ เพื่อประกอบการทำงานการเมือง ซึ่งมีความสำคัญกว่าการพูดที่กลับกลอก กลิ้งไปกลิ้งมาจนหลุดจากใบบัว ลงไปอยู่ในโคลนตม” นายราเมศกล่าว